กรดอะมิโน วิตามิน B, C, E สารในกลุ่มแซนทีนอัลคาลอยด์ (xanthine alkaloids) คือ คาเฟอีน (caffeine) และธิโอฟิลลีน (theophylline) ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางส่งผลให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่เรียกว่า แคททีชิน (catechins) แคททีชินที่พบมากที่สุดในชาเขียวคือ สารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (epigallocatechin gallate) ซึ่งมีความสำคัญในการออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารต่างๆ ที่พบในชาเขียวมีผลในการยับยั้งภาวะโรคต่างๆ โดยมีงานวิจัยมากมายสนับสนุนว่าการดื่มชาเขียวมีประโยชน์ต่อร่างกายได้แก่ ชาเขียวมีฤทธิ์ในการลดความอ้วน มีงานวิจัยระบุว่าสารแคททีชินที่พบได้มากในชาเขียวนั้น มีฤทธิ์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและไขมันจึงส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักของร่างกาย การดื่มชาเขียวยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือด และมีงานวิจัยทางคลินิคพบว่าชาเขียวมีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดโรคของหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการดื่มชาเขียวมีผลช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันการทดลองและสรุปผลว่าชาเขียวสามารถรักษาโรคมะเร็งได้
จากการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของชาเขียวพบว่าชาเขียวมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน แต่การบริโภคชาเขียวอย่างไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งมีรายงานเกี่ยวกับการบริโภคชาเขียวระบุว่าถ้าบริโภคในปริมาณสูงและติดต่อกันเป็นเวลานานสามารถส่งผลเสียต่อตับได้ โดยมีรายงานการวิจัยในหนูเม้าส์พบว่าสาร epigallocatechin gallate (EGCG) จะส่งผลให้ตับถูกทำลายเล็กน้อยเมื่อบริโภคในขนาดสูง (2,500 มก./กก.) ติดต่อกัน 5 วัน และความเป็นพิษต่อตับจะยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อบริโภคในขณะที่เป็นไข้ จากงานวิจัยช่วยยืนยันว่าการบริโภคชาเขียวในระยะเวลาสั้นๆ มีความปลอดภัย แต่ถ้าบริโภคในปริมาณสูงอาจส่งผลให้ตับถูกทำลาย ดังนั้นหากมีความผิดปกติเกี่ยวกับตับหรือมีอาการไข้ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคชาเขียวในขนาดสูงและติดต่อกันเป็นเวลานาน
EGCG (EPIGALLOCATECHIN GALLATE) อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ มากมายต่อสภาวะทางร่างกายหลากหลายประการ ดังนี้
✿ ช่วยลดน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ :
ด้วยกลไกของการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน โดยการยับยั้งเอนไซม์ไลเปส และลดกระบวนการแตกตัวของไขมัน ทำให้ไขมันดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อย และการกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายเพิ่มขึ้น โดย EGCG จะช่วยเพิ่มกระบวนการการเผาผลาญพลังงานของเนื้อเยื่อไขมัน โดยสามารถช่วยลดน้ำหนัก รอบเอวและ มวลไขมันลงได้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมวิธีอวดหุ่นสวยเพิ่มเติมได้ที่นี่
✿ กำจัดสารพิษ :
EGCG (EPIGALLOCATECHIN GALLATE) ช่วยพัฒนาการทำงานของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น ลดการสะสมสารพิษในลำไส้ ช่วยให้ผิวพรรณสดใสอีกด้วย
✿ ต้านอนุมูลอิสระ :
EGCG (EPIGALLOCATECHIN GALLATE) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพสูงในการป้องกันความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
● ต้านมะเร็ง : จากการศึกษา EGCG จะยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้
● ชะลอวัย : ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูสดใส อ่อนเยาว์
● ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด : ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระไม่ให้ทำลายเซลล์หัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล
✿ เสริมภูมิคุ้มกัน :
จากงานวิจัยในหลอดทดลองในสาร EGCG จะไป block การทำงานของเอนไซม์ 3 CL protease ซึ่งทำลายโปรตีนของเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นเป้าหมายในการพัฒนายาต้านไวรัส ทำให้ไปยับยั้งกระบวนการเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ นอกจากนี้ยังไปยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้ แต่การวิจัยยังเป็นเพียงในหลอดทดลอง ต้องทำการศึกษาต่อไปเพิ่มเติมในมนุษย์
สารสกัดชาเขียวอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลที่ชื่อว่า Epigallo Catechin (EGCC) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงสูง (Super powerful antioxidants) และมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันการก่อตัวของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยในการเกิดริ้วรอยจากวัย ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื่น กระจ่างใส อีกทั้งยังช่วยลดอาการบวมและรอยคล้ำใต้ดวงตา นอกจากนี้ EGCC ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายประการอีกด้วย เช่น
นอกจากนี้ยังพบสารสำคัญอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ในชาเขียวอีก เช่น กรดอะมิโน วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี และสารในกลุ่ม xanthine alkaloids ได้แก่ คาเฟอีนและธิโอฟิลลีน ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง
ปริมาณการดื่มที่เหมาะสม
ที่น่าสังเกตคือรูปแบบการบริโภคชาเขียวตั้งแต่สมัยโบราณเป็นการบริโภคในรูปแบบการชงชาดื่มเองและไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ดังนั้นการดื่มชาเขียวที่ชงเองนอกจากจะได้รับรสชาติและกลิ่นหอมแท้จากชาเขียวแล้วยังได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่าเครื่องดื่มชาเขียวสำเร็จรูปซึ่งจะมีส่วนผสมของน้ำตาลและมีปริมาณชาเขียวที่เจือจาง ชาเขียวร้อน 1 ถ้วยมี EGCG ประมาณ 100 - 200 มก. จากข้อมูลงานวิจัยความเป็นพิษของชาเขียวที่กล่าวไว้เบื้องต้น ในแต่ละวันจึงไม่ควรดื่มเกิน 10 - 12 ถ้วย ทั้งนี้ชาเขียวยังมีคาเฟอีน การดื่มในปริมาณสูงอาจส่งผลให้นอนไม่หลับได้
ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมโดยการชงใบชา 1 - 2 ช้อนชาในน้ำร้อน วันละ 3 ถ้วย ในระหว่างมื้ออาหาร เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เมื่อโลกหมุนเปลี่ยนเร็วขึ้น ถ้าโลกปัจจุบันนี้ได้มีทางเลือกใหม่ๆ ที่รัดกุมและรวดเร็วขึ้นโดยการทานเป็นเม็ดสกัดเป็นอาหารเสริมทำให้ได้สารสำคัญในปริมาณที่มากกว่าการชงดื่ม
และสะดวกต่อการพกพา และง่ายขึ้นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ʕ·ᴥ·ʔ ลดน้ำหนัก: Catechins หรือ EGCG (Epigallocatechin-3-gallate) เป็นสารโพลีฟีนอลหลักสำคัญพบในชาเขียว ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายปรับตัวให้เผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น พลังงานที่สะสมไว้ถูกนำไปใช้มากขึ้นน้ำหนักตัวจึงลดลง เมื่อร่างกายมีการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่องและได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสมร่างกายจะสามารถควบคุมน้ำหนักได้ นอกจากนี้ catechins ยังมีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมสภาพของการมองเห็นที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ
ʕ·ᴥ·ʔ ชะลอวัย : Flavan-3-ols เป็นโปรแอนโทรไซยานิน (proanthrocyanin) ในชาเขียว มีคุณสมบัติช่วยชะลอวัย (anti-aging) และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ʕ·ᴥ·ʔ ลดความเครียด : Theanine เป็นกรดอะมิโนธรรมชาติที่พบในใบชาเขียว มีคุณสมบัติช่วยระงับประสาท ธีอะนีนออกฤทธิ์กับกลไกการทำงานในสมอง ช่วยให้สมองปล่อยคลื่นสมองอัลฟา (Alpha Brain Wave) มากขึ้น และลดการปล่อยคลื่นสมองเบต้า (Beta Brain Wave) ลง ช่วยทำให้ผ่อนคลาย และลดความเครียด ทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิไม่หงุดหงิดง่าย ลำดับความคิดเป็นระบบระเบียบมากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น
ʕ·ᴥ·ʔ ลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ : Epicatechin เป็นฟลาโวนอยชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถข้ามผ่านแนวกั้นระหว่างเลือดและสมอง (the blood-brain barrier) ไปได้ซึ่งสารธรรมชาติหรือแม้กระทั่งสารสำคัญในยาโดยทั่วไปไม่สามารถข้ามไปได้ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมองจากการรวมตัวของโปรตีนที่ผิดปกติ (Beta-amyloid protein) ซึ่งพบได้ทั่วไปในสมองคนสูงอายุและพบมากในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ epicatechinจึงเป็นสารสำคัญที่มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำ และช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดในสมอง
