สมุนไพรส้มแขก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ อีก เช่น ชะมวงช้าง, ส้มควาย (ตรัง), อาแซกะลูโก (ยะลา), ส้มพะงุน (ปัตตานี), ส้มมะอ้น ส้มมะวน มะขามแขก (ภาคใต้) เป็นต้น โดยมีถิ่นกำเนิดในอินเดียและศรีลังกา ซึ่งในบ้านเรานิยมปลูกมากในทางภาคใต้
ส้มแขก สามารถหาซื้อได้มากแถวภาคใต้ตอนล่าง ถ้าคุณมีโอกาสก็ลองไปเดินแถวตลาดนัด เขาจะขายกันแบบฝานเป็นชิ้นบาง ๆ เป็น ส้มแขกตากแห้ง โดยนำไปตากแห้งจนมีสีหมองดำ ๆ หมองคล้ำ ซึ่งสามารถเก็บเอาไว้ใช้ได้นานหลายเดือน โดยวิธีการนำไปใช้ก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่นำไปล้างน้ำให้สะอาดก็ใส่ลงไปในหม้อได้เลย เพียงไม่กี่กลีบก็จะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวแบบนุ่ม ๆ พร้อมให้กลิ่นหอมชวนน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น หรือจะนำมาต้มกับน้ำดื่มก็ได้เช่นกัน
ส้มแขก มีสารสำคัญที่มีชื่อว่า Hydroxycitric Acid หรือเรียกสั้น ๆว่า "HCA" ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการสร้างไขมันจากการบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูง นอกจากนี้ยังมีกรดอินทรีย์อื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น กรดซิตริก (Citric Acid), กรดโดคีคาโนอิค (Dodecanoic Acid), กรดออกตาดีคาโนอิค (Octadecanoic acid) และกรดเพนตาดีคาโนอิค (Pentadecanoic acid)
ในปัจจุบันส้มแขกได้มีการนำไปสกัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน หลายรูปแบบ เช่น แบบผง แบบเม็ด ชาส้มแขก ส้มแขกแคปซูล โดยจะมีขนาดตั้งแต่ 300-600 มิลลิกรัม และจะมีเนื้อส้มแขกประมาณ 250-500 มิลลิกรัม และมีปริมาณ HCA ประมาณ 60-70% โดยจะแตกต่างกับส้มแขกบดแห้งบรรจุแคปซูลธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านการสกัด ซึ่งจะมีปริมาณของ HCA เพียง 30% เท่านั้น โดยวิธีการรับประทาน สารสกัดส้มแขก ให้รับประทานก่อนอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงครั้งละ 1,000-1,200 มิลลิกรัม (ถ้าเม็ดละ 300 mg. ก็ใช้ 3-4 เม็ด) วันละ 3 ครั้งจะช่วยทำให้ยาดูดซึมได้ดีที่สุด
แม้ส้มแขกจะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะอยู่เสมอ เนื่องจากการบริโภคผลิตภัณฑ์จากผลไม้ชนิดนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับตับได้ นอกจากนั้น ส้มแขกยังก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ปวดศีรษะ เป็นต้น
โดยผู้ที่อยู่ในภาวะต่อไปนี้ควรระมัดระวังในการใช้ส้มแขกเป็นยารักษาโรคเป็นพิเศษ
สตรีมีครรภ์และผู้ที่กำลังให้นมบุตร การบริโภคส้มแขกอาจไม่ปลอดภัยต่อร่างกายของผู้ที่อยู่ในกลุ่มนี้ จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานในปริมาณมากเพื่อใช้เป็นยารักษาโรค เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ
โรคไบโพลาร์ ส้มแขกอาจส่งผลให้ภาวะอารมณ์แปรปรวนจากโรคไบโพลาร์ทรุดหนักลง
โรคตับ การบริโภคส้มแขกอาจเป็นอันตรายต่อตับ อาจทำให้ตับถูกทำลายมากขึ้นในผู้ป่วยโรคตับ
ตอนนี้มีการศึกษาในคนถึงผลลัพท์ของสารสกัดจากส้มแขกแล้ว แต่ผลลัพท์ที่ได้ก็ยังยืนยันว่า อาหารเสริมชนิดนี้ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้นิดเดียวเท่านั้น งานวิจัยชิ้นนี้พบว่าผู้หญิงไทยที่เข้าร่วมทดลองที่ได้รับสารสกัดจากส้มแขกเป็นเวลา 2 เดือน สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าอีกกลุ่มที่กินยาหลอกเพียง 0.88 กิโลกรัมเท่านั้น
ดังนั้น เราควรมองว่าสารสกัดจากส้มแขกเป็น ตัวช่วย เพิ่มการเผาผลาญ มากกว่าที่จะเอามาแทนที่การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย อีกทั้ง ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พบว่า กลุ่มกินยาหลอกและกลุ่มที่กินสารสกัดจากส้มแขก ไม่มีน้ำหนักและปริมาณไขมันที่ต่างกันเลย หลังจบการทดลองที่ใช้เวลาถึง 12 อาทิตย์
จากการศึกษาพบว่า ถ้าเรา (คนสุขภาพดีทั่วไป) ได้รับสารสกัดจากส้มแขก หรือ HCA วันละประมาณ 2,800 มิลลิกรัม ผลข้างเคียงแทบจะไม่มีเลย แต่ผมก็ต้องเตือนไว้นิดหนึ่งว่า อาหารเสริมส่วนใหญ่ไม่ว่าจะยี่ห้อดังแค่ไหน ก็ยังไม่ได้มีการตรวจคุณภาพและส่วนผสมจากองค์การอาหารและยา ดังนั้น ปริมาณ HCA อาจจะน้อยหรือมากกว่าที่เขียนไว้บนฉลากก็ได้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุด คือ ซื้อจากบริษัทหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เช่น iHerb (Link is affiliated) ที่มีรีวิวจากผู้ใช้จริง และสามารถคืนสินค้าหรือเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทได้ ผลข้างเคียงจากผู้ใช้จริงที่พบมากที่สุด มีดังนี้