การมีสุขภาพร่างกายที่สมดุลและมีสุขภาพจิตที่ดีเป็นสุดยอดปรารถนาของทุกคน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงในระยะก่อนมีประจำเดือน ซึ่งมักมีอาการอันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นจนอาจทำให้เสียสมดุลชีวิตในช่วงนั้นได้ เช่น ปวดท้อง ปวดเมื่อย สิวขึ้น หรืออารมณ์หงุดหงิดง่าย เป็นต้น แม้จะเป็นอาการตามธรรมชาติที่ผู้หญิงจำนวนมากต้องเผชิญ แต่มีหลายอย่างที่ช่วยบรรเทาภาวะเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการใช้สารอาหารต่างๆ เช่น น้ำมันอีฟนิงพริมโรส น้ำมันโบราจ ตังกุย และขิง
อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน หรือกลุ่มอาการ PMS (PREMENSTRUAL SYNDROME) ผู้หญิงก่อนมีประจำเดือนจะมีสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงทำให้อาจเกิดกลุ่มอาการป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการ ดังนี้
กรดไขมันแกมม่า หรือ GLA (Gamma-Linolenic Acid) เป็นกรดไขมันจำเป็นชนิดหนึ่ง ในกลุ่มโอเมก้า 6 ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องสร้างจากกรดไขมันจำเป็นคือ ไลโนเลอิก แอซิด หรือ LA (Linoleic Acid) GLA จึงนับเป็นกรดไขมันพิเศษที่ให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพและความงามเป็นอย่างมาก โดยช่วยให้หลอดเลือดคลายตัว ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ลดอาการบวม ปวด แดง ที่เกิดจากการอักเสบ
อ้างอิงจากหนังสือ Fats That Can Save Your Life (Progressive Health Publishing) โดย Robert Erdmann, Ph.D. และ Meirion Jones กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี GLA สามารถช่วยลดอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือนได้ถึง 90% เช่น อาการคัดหน้าอก อาการบวม อารมณ์หงุดหงิด และอาการระคายเคือง แพ้ง่าย
เราสามารถพบกรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก แอซิด หรือ GLA ได้ในสารอาหารหลายชนิด เช่น น้ำมันอีฟนิงพริมโรส น้ำมันโบราจ ตังกุย และขิง
บางคนเรียกว่าน้ำมันเมล็ดอีฟนิงพริมโรส หรือ EPSO (Evening Primrose Seed Oil) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มไขมันหรือลิพิดอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมานาน สารสำคัญที่ปรากฏอยู่ใน EPO คือกรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก แอซิด หรือ GLA ในกลุ่มโอเมก้า 6
EPO ถูกนำมาใช้รักษาหรือป้องกันอาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน มีบางรายงานแนะนำขนาดที่รับประทานของ EPO คือ ครั้งละ 250-500 มก. วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน หรือประมาณวันละ 1-2 กรัม โดยรับประทานล่วงหน้า 3 วันก่อนมีอาการ PMS หรือ 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน และอาจร่วมกับสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินบี 6 (50 มก./วัน) ธาตุสังกะสี (10 มก./วัน) วิตามินซี (500 มก. – 3 กรัม/วัน) หรือรับประทานผักผลไม้และอาหารทะเลให้มากขึ้น งดชา กาแฟ
เมล็ดของโบราจให้กรดไขมัน GLA ในปริมาณสูงถึง 24-25% นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันชนิดอื่นๆ อีก เช่น ไลโนเลอิก แอซิด (LA) ปาล์มิติก แอซิด (Palmitic Acid) สเตียริก แอซิด (Stearic Acid) เป็นต้น
เป็นพืชในตระกูลพาร์สลีย์ ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ทางยาคือราก ตังกุยประกอบด้วย เฟรูลิก เอซิด (Ferulic Acid) น้ำมันหอมระเหย รวมถึง Ligustilide ในตำราแพทย์แผนจีน รากของตังกุยมีคุณสมบัติในการปรับสมดุลของระบบเลือดและสมดุลพลังงาน และบ่อยครั้งใช้แก้ปัญหาทางด้านระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรี เป็นสมุนไพรที่เป็นที่นิยมแพร่หลายในประเทศจีน
รากของตังกุยมีประโยชน์ต่อระบบเลือดและช่วยปรับสมดุลพลังงานของชีวิต ใช้บ่อยในสตรีที่มีความผิดปกติขณะมีประจำเดือน ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ โลหิตจาง ความดันโลหิตสูง ท้องผูก ส่วนในทางซีกโลกตะวันตกใช้ในการปรับเปลี่ยนและควบคุมระบบสืบพันธุ์ของสตรีให้เป็นปกติ ให้ร่วมกับการรักษากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome; PMS) ประจำเดือนมาช้า และอาการในวัยหมดประจำเดือน
ขิงช่วยปกป้องร่างกายจากความชื้นและความหนาวเย็น ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์มีหลายส่วน เช่น รากสด เหง้าแห้ง น้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากเหง้าแห้ง เป็นต้น ขิงประกอบด้วยสารสำคัญหลัก คือ Gingerol และ Shogaol ช่วยยับยั้งผลของซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่กระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว จึงลดอาการปวดประจำเดือนได้
สารอาหารต่างๆ เหล่านี้เมื่อนำผสมผสานกันจะให้คุณประโยชน์ต่างๆ แก่ร่างกาย โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่ต้องเผชิญภาวะอาการก่อนมีประจำเดือนที่รบกวนชีวิตประจำวันทุกเดือน
กรดไขมันแกมม่าใช้สำหรับ
กรดไขมันแกมม่า (GLA) เป็นไขมันที่พบได้ในน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันโบราจ น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส นิยมใช้เป็นยารักษาโรค และอาการทางการแพทย์ดังต่อไปนี้
★ เส้นเลือดตีบ
★ โรคสะเก็ดเงิน
★ โรคกลากเกลื้อน
★ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
★ เนื้องอกในปาก
★ คอเลสเตอรอลสูง
★ โรคหัวใจ
★ กลุ่มอาการเมตาบอลิก
★ ปวดเส้นประสาทจากโรคเบาหวาน
★ โรคสมาธิสั้น (ADHA)
★ อาการซึมเศร้า
★ อาการซึมเศร้าหลังคลอด
★ อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS)
★ ไข้ละอองฟาง(เยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้)
★ บางคนใช้เพื่อป้องกันมะเร็งและช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมตอบสนองต่อยา tamoxifen เร็วขึ้น