ขมิ้นชัน (Turmeric) เป็นไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน เนื้อในสีเหลืองอมส้ม มีกลิ่นหอม ตามหลักฐานทางสมุนไพร เราจะใช้เหง้าใต้ดินบดเป็นผง รักษาแผล แมลงกัดต่อย กลากเกลื้อน ป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และ รักษาอาการท้องเสีย โดยสารสำคัญของขมิ้นชันที่เป็นสารออกฤทธิ์ คือ curcumin
ปัจจุบัน ในทางสมุนไพร มีแนวคิดที่จะหานวัตกรรมที่จะทำให้รสชาติของวัตถุดิบจากธรรมชาติมีผลต่อรสชาติของผลิตภัณฑ์น้อยที่สุด เช่น กลบกลิ่นและรสชาติของสมุนไพร หรือต้องมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี ไม่ตกตะกอนและมีความคงตัวดีในน้ำ กระทั่งได้เทคโนโลยีที่ลงตัวที่สุด คือ การใช้เทคโนโลยีนาโนเทคโนโลยี ชนิดเอนแคปซูเลชั่น (Encapsulation)
บทบาทที่สำคัญของขมิ้นชันที่มีต่อสุขภาพก็คือ เป็นสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย และยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นว่าหากสามารถลดการอักเสบเรื้อรังภายในร่างกายได้ ก็มีส่วนช่วยยับยั้งหรือลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังได้ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง อัลไซเมอร์ รวมถึงชะลอการเกิดความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายได้ ซึ่งสารสำคัญในขมิ้นชันเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบในระดับโมเลกุล โดยงานวิจัยหลายชิ้นในต่างประเทศยังระบุด้วยว่าประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบนี้เทียบเท่ากับยาต้านการอักเสบแผนปัจจุบันสำหรับโรคข้อได้แต่ปลอดภัยมากกว่า เพราะเป็นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียงและอันตรายต่อร่างกาย
อนุมูลอิสระ คือตัวแปรหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ทำให้ร่างกายโรยราและเป็นที่มาของโรคต่างๆ ด้วยเหตุนี้เองสารต้านอนุมูลอิสระจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับร่างกาย เพราะช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งขมิ้นชันมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยม และนอกจากจะสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ด้วยตัวมันเองแล้ว ยังเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่าขมิ้นชันสามารถช่วยต้านโรคเรื้อรัง และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายบางชนิดได้
มะเร็ง (Cancer) โรคร้ายที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งแม้ปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดรักษาให้หายขาด แต่หากในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็งหรือเนื้อร้ายได้ก็มีความเสี่ยงที่มะเร็งจะลุกลามและรุนแรงขึ้นได้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้บริโภคขมิ้นชันควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์ เนื่องจากมีงานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่าเคอร์คูมินหรือสารสำคัญในขมิ้นชัน สามารถลดการเจริญเติบโตรวมถึงการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
โรคข้ออักเสบ อีกหนึ่งโรคยอดฮิตของคนไทยโดยเฉพาะในผู้สูงวัย ผู้ป่วยด้วยโรคข้ออักเสบส่วนใหญ่มักจะต้องทานยาแก้ปวดเป็นประจำ ซึ่งในระยะยาวอาจเกิดการสะสมส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ ขมิ้นชันจึงถูกนำมาใช้ในการแก้ปวดและลดอาการอักเสบของข้อ โดยสามารถแทนการใช้ยาแก้ปวดที่ไม่มีส่วนประกอบของสเตียร์รอยได้ (NSAIDs: Non-Steroid Anti-Inflammatory Agent) นอกจากนี้ยังพบว่าในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบบางรายการใช้เคอร์คูมินรักษาให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าการใช้ยาต้านอักเสบอีกด้วย
หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ว่าสารสำคัญในขมิ้นชัน ช่วยรักษาอาการของโรคซึมเศร้าได้ โดยมีการศึกษาพบว่าเคอร์คูมินสามารถเพิ่มสารสื่อประสาทในสมองอย่างเซโรโทนินและโดพามีนได้ และจากผลการทดลองในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจำนวน 60 คน พบว่า หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ยาแผนปัจจุบันร่วมกับเคอร์คูมิน มีอาการดีขึ้นกว่ากลุ่มที่ได้รับเพียงยาแผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียว
สำหรับความสามารถของสารสำคัญที่มีอยู่ในขมิ้นชันต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันนั้น หนึ่งในสารประกอบของเคอร์คูมินอยด์ ที่เรียกว่า ‘เคอร์คูมิน’ สามารถลดการจับตัวของไวรัสกับผนังเซลในร่างกาย และลดการเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัส ด้วยการทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้อีก จึงช่วยลดความรุนแรงของเชื้อที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายได้นั่นเอง