ปอดเป็นอวัยวะสำคัญของระบบทางเดินหายใจ ที่มีหน้าที่หลักในการแลกเปลี่ยนก๊าซ ของเลือด คือรักษาระดับของออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนประกอบที่สำคัญของปอดคือ ทางเดินหายใจ (Airway) เป็นส่วนที่อากาศลงไปยังถุงลมปอด เนื้อเยื่อปอด (lung parenchyma) เป็นส่วนที่มีถุงลมปอดและเส้นเลือดปอดมาอยู่รวมกันและมีการแลกเปลี่ยนก๊าซเกิดขึ้น
โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) คือ โรคปอดชนิดเรื้อรังที่ผู้ป่วยจะมีพยาธิสภาพของถุงลมโป่งพองและ/หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรังเกิดร่วมกัน สาเหตุหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง สาเหตุ ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดโรค COPD ได้แก่ การสูบบุหรี่ โดยพบว่าสารในควันบุหรี่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในหลอดลมและเนื้อปอด โดยจะมีเซลล์อักเสบเข้ามาสะสมอยู่ในปอด และหลั่งสารต่างๆ ที่ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อปอด (protease) ทำให้ถุงลมปอดถูกทำลาย เกิดภาวะถุงลมโป่งพองและหลอดลมตีบตัว เนื่องจากมีการอักเสบและบวมของเยื่อบุผิว ทำให้เกิดภาวะหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังตามมา นอกจากบุหรี่แล้ว สาเหตุเสริมอื่นที่อาจเป็นสาเหตุของโรค COPD ได้แก่ ภาวะมลพิษในอากาศ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และการขาดสารบางชนิดแต่กำเนิดที่มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ (ส่วนมากพบเฉพาะในชาวตะวันตก)
อาการแสดงของโรค มักจะพบในผู้ป่วยสูงอายุที่มีประวัติการสูบบุหรี่มานาน ผู้ป่วยมักมีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก มีอาการเหนื่อยง่ายขึ้น ไม่สามารถทำกิจการต่างๆ ที่เคยทำได้ โดยอาการเหล่านี้จะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยตลอดเวลา เกิดภาวะหายใจวายเรื้อรัง นอกจากนี้เวลาที่ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ก็อาจเกิดภาวะหายใจวายเฉียบพลันได้ง่าย
การดูแลสุขภาพทั่วไป
การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ การรับประทานอาหารที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นได้ส่วนหนึ่ง ผู้ป่วยโรคนี้จึงควรหมั่นออกกำลังกายเท่าที่พอจะทำไหวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั่วโลกมีผู้ป่วยด้วยโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) จำนวน 329 ล้านคนหรือเกือบ 5% ของจำนวนประชากรในปี ค.ศ. 2012 โรคนี้เป็นโรคอันดับที่ 3 ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนจำนวนกว่า 3 ล้านคน จำนวนของผู้เสียชีวิตนั้นคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากอัตราการสูบบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นและอายุของประชากรในหลาย ๆ ประเทศ
การรักษาหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง
โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ไม่มีการรักษาที่แน่ชัด แต่อาการของโรคสามารถรักษาและชะลอความรุนแรงของโรคได้ โดยเป้าหมายหลักของการจัดการโรคคือ การลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การหยุดสูบบุหรี่ แต่บางสาเหตุก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น สาเหตุจากพันธุกรรม
ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ได้แก่โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคถุงลมโป่งพอง มักจะมีการระคายเคืองต่อผนังหลอดลมและถุงลม มีเสมหะมากมีการอักเสบเรื้อรัง เป็นผลให้การทำงานของปอดลดลง รู้สึกเหนื่อยง่าย ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ และสูญเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ คนที่ป่วยด้วยโรคนี้จึงต้องได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์พร้อมรับคำแนะนำในการฝึกวิธีหายใจที่ถูกต้อง การออกกำลังกายเพื่อสร้างความต้านทานโรค รวมถึงการปฏิบัติตัว
ดังนั้นอาหารทางการแพทย์ มีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่สมดุล ทั้งโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ ยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการเกือบ 30 ชนิด จึงแนะนำให้ดื่มเสริมในกรณีที่ปรับเปลี่ยนอาหารปกติแล้ว ยังได้สารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งจะแตกต่างจากการรับประทานอาหารเสริมทั่วไป เช่น นม หรือน้ำผลไม้ เพราะมักให้พลังงานน้อยกว่าและให้สารอาหารไม่ครบถ้วน ส่วนประกอบของอาหารทางการแพทย์มักถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี เช่น คาร์โบไฮเดรตชนิดดูดซึมช้า ใช้น้ำมันที่มีสัดส่วนของไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันรำข้าว และเลือกใช้โปรตีนที่มีค่า PDCAAS* สูง ได้แก่ เวย์ เคซีน หรือโปรตีนถั่วเหลือง อาหารทางการแพทย์ปราศจากแลคโตส ดังนั้น ผู้ที่แพ้แลคโตสจึงสามารถรับประทานได้
เทคนิคการแนะนําอาหารทางการแพทย์
อาหารทางการแพทย์ 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณข้าวราดแกงครึ่งจานและให้โปรตีนเทียบเท่ากับไข่ขาวประมาณ 3 ฟอง หาก รับประทานอาหารได้ครึ่งหนึ่งอาจจะแนะนำดื่มเสริมมื้อละ 1 แก้ว หากมีอาการแน่นท้อง แนะนำให้ผสมให้เข้มข้นขึ้นและแบ่งออกเป็นมื้อย่อย ๆ หลาย ๆ มื้อ อาหารทางการแพทย์สูตรมาตรฐานสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยเกือบทุกโรค ยกเว้นกรณีผู้ป่วยเบาหวานหรือโรคไต ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหารเพื่อพิจารณาสูตรที่เหมาะสม
สรุป : ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือต้องนอนโรงพยาบาล ควรได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนเพียงพอและเหมาะสม อาหารทางการแพทย์เป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับโภชนบำบัดอย่างเพียงพอได้