รถเข็นผู้ป่วย (Wheel Chair)
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้พิการหรือผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกายพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น ทั้งยังอำนวยความสะดวกและลดข้อจำกัดในการทำสิ่งต่าง ๆ การเลือกวีลแชร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างเหมาะสมจึงไม่เพียงแต่จะช่วยให้ไปไหนมาไหนสะดวก แต่ยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยเปิดโอกาสสู่โลกการศึกษา การทำงาน และการเข้าสังคมให้ราบรื่นยิ่งขึ้น การเลือกใช้วีลแชร์ที่เหมาะสมกับตนเองและการใช้อย่างถูกวิธีจะช่วยลดการเกิดแผลกดทับ การนั่งผิดท่า การยึดตัวของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากการนั่งวีลแชร์เป็นเวลานาน
รถเข็นผู้ป่วยจำเป็นต่อใครบ้าง
รถเข็นผู้ป่วยหรือวีลแชร์ เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์มักแนะนำให้ใช้ โดยเฉพาะผู้พิการและผู้ป่วยที่ไม่อาจเดินได้ตามปกติ เนื่องจากรถเข็นผู้ป่วยจะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนที่ได้ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคน ก็มีความต้องการใช้และความจำเป็นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยว่าต้องเคลื่อนที่มากน้อยแค่ไหน เช่น ผู้ป่วยที่กระดูกหัก มักใช้วีลแชร์เพียงในช่วงเวลาสั้น ๆ จนกว่าจะสามารถกลับมาเดินได้ดังเดิม ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตหรือพิการ อาจต้องใช้รถเข็นผู้ป่วยไปตลอดชีวิต ซึ่งโดยทั่วไป รถเข็นผู้ป่วยมักใช้กับผู้ที่มีภาวะเหล่านี้
- เป็นอัมพฤกษ์ – อัมพาต
- ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท หรือได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
- ไม่สามารถเดินหรือทรงตัวได้
- เดินในระยะไกลหรือเดินนานไม่ได้
- ได้รับบาดเจ็บที่ขาหรือเท้า เช่น กระดูกหัก
รถเข็นผู้ป่วย แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
รถเข็นผู้ป่วย แม้จะมีจุดประสงค์ในการช่วยผู้ป่วยเคลื่อนไหวมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.รถเข็นผู้ป่วยแบบขับเคลื่อนด้วยแรงคน (Manual Wheelchair) รถเข็นผู้ป่วยประเภทนี้ จะเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวผู้ใช้งานโดยใช้มือและแขนหมุนที่ล้อ สามารถแบ่งออกได้อีก 2 แบบ คือ
- แบบล้อเล็ก สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีกำลังแขนมากพอที่จะหมุนล้อได้ รถเข็นผู้ป่วยประเภทนี้ จึงจำเป็นจะต้องใช้ผู้ดูแลช่วยในการเข็น แต่ก็มีข้อดีคือมีน้ำหนักเบา ทำให้ผู้ดูแลเข็นได้คล่องตัวมากขึ้น
- แบบล้อใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเคลื่อนที่ด้วยตนเอง แต่มีข้อจำกัดคือต้องเป็นผู้ที่มีกำลังแขนมากพอที่จะออกแรงหมุนล้อได้
2.รถเข็นผู้ป่วยแบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องกล (Electric Wheelchair) ทำงานโดยใช้เครื่องยนต์และแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุทุกประเภท เพราะสามารถเคลื่อนที่เองได้ด้วยการใช้แผงควบคุมหรือ joystick จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีกำลังแขนและไม่มีกำลังแขน และยังสามารถใช้เข็นแบบ manual ได้อีกด้วย ช่วยให้สะดวกสบายกว่าแบบอื่น ๆ
วิธีเลือกซื้อรถเข็นผู้ป่วย
หากต้องการซื้อรถเข็นผู้ป่วยสักคัน หลายคนก็อยากได้รถเข็นที่คุ้มค่าที่เสียเงินไปใช่ไหมล่ะคะ แต่จะคำนึงถึงเรื่องของราคาอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของผู้ใช้งานด้วยนะคะ โดยดูวีลแชร์ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้
- คำนึงถึงผู้ใช้งาน เลือกแบบที่มีขนาดพอดีตัวผู้ใช้แบบที่ไม่ใหญ่หรือไม่เล็กจนเกินไป โดยดูจากช่องว่างข้างลำตัว ควรเหลือประมาณข้างละ 1 นิ้ว อีกทั้งควรคำนึงว่ารถเข็นวีลแชร์สามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้หรือไม่ นอกจากนี้ หากต้องการให้ผู้ใช้เคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง ควรประเมินสภาพร่างกายของผู้ใช้งานก่อน ว่ากำลังกล้ามเนื้อแขนและมือมากพอหมุนล้อหรือเปล่า
- ระดับที่นั่ง สำหรับผู้ต้องการเคลื่อนไหวด้วยตนเอง ควรดูระดับที่นั่งที่ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป โดยเมื่อทิ้งแขนลงข้างตัว ให้งอศอกประมาณ 30 – 45 องศา แล้วเอามือวางไว้ที่จุดสูงสุดของล้อ เพื่อลองดูว่าจับล้อถนัดหรือไม่
- ที่วางเท้า ควรเลือกที่วางเท้าที่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้
- เบรกมือ สำหรับใช้เบรกเพื่อกันการลื่นไหลขณะลงเนินหรือทางลาด ควรตรวจสอบว่าเบรกสามารถใช้งานได้ดีหรือไม่
- น้ำหนักและขนาดของตัวรถ แนะนำให้เลือกรถวีลแชร์ที่มีน้ำหนักเบา เพราะจะทำให้คล่องตัวเวลาใช้งานและเคลื่อนย้าย โดยขนาดของตัวรถทั้งตอนกางและตอนพับ ต้องไม่ใหญ่จนเกินไป
- การใช้งาน สำหรับผู้ที่ต้องเดินทาง หรือออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ่อย ๆ แนะนำให้เลือกซื้อวีลแชร์ที่พับได้ เพื่อให้สะดวกต่อการพกพาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือท่องเที่ยว หากผู้ใช้ไม่ได้ออกนอกบ้านบ่อย ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อแบบพับได้ก็ได้
- ความแข็งแรง ตรวจสอบว่าตัวรถมีความมั่นคงและแข็งแรงหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ล้มหรือหงายหลังได้ง่าย ๆ ขณะใช้งาน
- การรับประกัน ควรเลือกซื้อวีลแชร์จากร้านที่มีมาตรฐาน มีการรับประกัน และมีบริการหลังการขาย เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อเสียหายสามารถเคลมหรือส่งซ่อมสินค้าได้
วิธีการใช้งานรถเข็นไฟฟ้า
ในเบื้องต้นผู้ใช้งานควรฝึกทักษะการเข็นและบังคับรถเข็นผู้ป่วยตามคู่มือการใช้ และอาจขอคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับขั้นตอนในการนั่งหรือลุกขึ้นจากรถเข็นผู้ป่วย และการเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น พื้นต่างระดับ พื้นขรุขระ พื้นทราย ขอบทาง ทางโค้ง ที่แคบ เป็นต้น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสภาพแวดล้อมและสถานการณ์
โดยทักษะการใช้รถเข็นผู้ป่วยที่ถูกต้อง มีดังนี้
- การเข็น ผู้ใช้งานจะรู้สึกเหมือนไม่ต้องออกแรงมาก และควรเข็นรถเข็นผู้ป่วยไปยาว ๆ อย่างนุ่มนวล
- การเลี้ยว ให้ดันวงปั่นด้านหนึ่งไปข้างหน้า และดันอีกด้านหนึ่งไปข้างหลังพร้อม ๆ กัน
- การลงทางลาด เพื่อป้องกันการหงายหลัง ควรโน้มตัวไปด้านหน้าและหมุนวงปั่นผ่านมือไปช้า ๆ หากมีประสบการณ์ในการใช้ อาจยกล้อหน้าเพื่อใช้เฉพาะล้อหลังลงทางลาด
- การลงบันไดด้านหน้าโดยมีคนช่วยเหลือ เอนวีลแชร์มาทางด้านหลังจนล้อหน้ายกขึ้นแล้วค่อย ๆ ให้ล้อหลังเลื่อนลงบันไดไปทีละขั้น ระหว่างนี้ผู้ที่นั่งวีลแชร์อาจจับวงปั่นไว้เพื่อช่วยควบคุมรถ และให้ผู้ช่วยอีกคนหนึ่งคอยประคองอยู่ด้านหน้าโดยจับโครงบริเวณรถซึ่งไม่ใช่ที่วางเท้า
- การขึ้นบันไดด้านหลังโดยมีคนช่วยเหลือ เอนวีลแชร์มาทางด้านหลังจนล้อหน้ายกขึ้นแล้วเลื่อนล้อหลังให้ชิดขั้นบันได จากนั้นเอนแล้วยกขึ้นไปเรื่อย ๆ ทีละขั้น โดยผู้ที่นั่งวีลแชร์อาจคอยช่วยดึงวงปั่นไปด้านหลัง ส่วนผู้ช่วยอีกคนคอยจับประคองด้านหน้าบริเวณโครงรถซึ่งไม่ใช่ที่วางเท้า
- การยกล้อ หมุนล้อไปทางด้านหลังจนมืออยู่ที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา และดันไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างนี้ล้อหน้าของรถเข็นผู้ป่วยจะยกขึ้น การหมั่นฝึกฝนจะช่วยให้ยกล้อเพื่อข้ามผ่านสิ่งกีดขวางต่าง ๆ อย่างก้อนหิน เนิน และขอบถนนได้อย่างถูกจังหวะ แต่ในระหว่างฝึกฝนควรมีคนคอยช่วยเหลือเผื่อมีเหตุติดขัดด้วย
BACK