เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำสะอาดฟัน ลักษณะเป็นด้ามให้จับและปลายข้างหนึ่งมีขนแปรง เพื่อใช้คู่กับยาสีฟันเพื่อขัดถูฟัน แปรงสีฟันสามารถขจัดคราบพลัค และสิ่งสกปรกออกจากฟันได้ดี คือแปรงสีฟันที่มีขนนุ่มและขนาดของหัวแปรงก็ไม่ควรใหญ่มาก อาจจะมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม ไม่เช่นนั้นแล้ว จะไม่สามารถเข้าถึงซอกมุมในปากได้ โดยเฉพาะฟันซี่สุดท้าย ด้ามจับต้องถนัดถือ มีความยืดหยุ่น และไม่ลื่นหลุด
แปรงสีฟันที่มีขายตามท้องตลาด สามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ตามอายุของผู้ใช้งาน โดยจะต่างกันที่ขนาดความยาวทั้งหมดของแปรงสีฟัน ความกว้าง ความยาว และความหนาของหัวแปรง ดังนี้
โดยลักษณะของขนแปรงจะแบ่งได้ 2 ชนิดตามความอ่อนนุ่ม คือ ชนิดปานกลาง และชนิดนุ่ม นุ่มพิเศษ ซึ่งคุณก็ต้องเลือกทั้งประเภทของแปรงสีฟัน และชนิดของขนแปรงให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เลือกแปรงสีฟันดี สุขภาพช่องปากก็จะดีไปด้วย
✿ ด้ามแปรงสีฟัน จับถนัดมือด้วยความยาวที่พอเหมาะ แข็งแรงไม่หักงอได้ง่ายๆ
✿ ขนาดของหัวแปรงสีฟัน ต้องไม่มีส่วนหรือมุมที่มีความคม ไม่ใหญ่เกินไป และมีรูปทรงที่สามารถซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดภายในช่องปากได้อย่างทั่วถึง โดยหัวแปรงสีฟันของผู้ใหญ่ ควรมีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 15 มิลลิเมตร และยาว ไม่เกิน 34 มิลลิเมตร
✿ ขนของแปรงสีฟัน ควรผลิตจากไนลอน หรือ PTB มีความอ่อนนุ่มกำลังดี ผิวเรียบ ขอบไม่คม ขนแปรงกระจุกตัวไม่หลุดร่วงง่าย มี 3 - 4 แถว ปลายขนโค้งมนเล็กน้อย หากมีปลายแหลมต้องเป็นขนแปรงชนิดอ่อนนุ่มเท่านั้น การเลือกขนแปรงที่แข็งปานกลาง หรือแข็งมาก อาจนำไปสู่ปัญหาเหงือกร่น และเร่งให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้ง่ายขึ้น
✿ หัวแปรงสีฟันขนาดพอเหมาะกับช่องปากของตน ความกว้างหัวแปรงสีฟันผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 1.5 เซนติเมตร การใช้แปรงสีฟันที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องปากมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดซี่ฟันด้านในได้
✿ ขนแปรงชนิดปานกลาง (medium), นุ่ม (soft) หรือนุ่มพิเศษ (extra soft) เพื่อลดการทำอันตรายต่อผิวฟัน และขอบเหงือก
✿ ด้ามจับแปรงสีฟันยาวพอเหมาะ จับได้ถนัดมือ
✿ ปลายขนแปรงแบบมนกลมหรือเรียวแหลม
✿ ลักษณะปลายขนแปรงเรียบเสมอกัน ไม่ซิกแซก เพื่อให้แปรงสีฟันแนบกับผิวฟันบริเวณคอฟันมากที่สุด เนื่องจากบริเวณคอฟัน เป็นตำแหน่งที่พบคราบอาหารมากที่สุดบนผิวฟัน
✿ ราคาของแปรงสีฟันที่เหมาะสม นอกจากดูที่คุณภาพของแปรงสีฟันแล้ว อย่าลืมพิจารณาเรื่องราคาด้วย โดยราคาควรสอดคล้องกับคุณภาพของแปรงสีฟันที่ได้ ซึ่งราคาของแปรงสีฟันธรรมดาที่มีขายทั่วไป มีตั้งแต่หลักสิบ จนถึงหลักร้อย
✿ แปรงสีฟันธรรมดา หรือ แปรงสีฟันไฟฟ้า หากพูดถึงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของแปรงสีฟันทั้งสองแบบ ก็พูดได้เลยว่า สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ต่างกัน ดังนั้น เมื่อต้องเลือกระหว่างแปรงสีฟันธรรมดา กับ แปรงสีฟันไฟฟ้า เราอาจจะต้องพิจารณาที่เรื่องอื่น ได้แก่
✿ แปรงสีฟันไฟฟ้า เกิดมาเพื่อช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวให้สามารถแปรงฟันได้ง่ายขึ้น
✿ แปรงสีฟันไฟฟ้ามีราคาแพงกว่าแบบธรรมดา และมีค่าใช้จ่ายเสริมในขณะใช้งานด้วย
✿ แปรงสีฟันไฟฟ้าใช้ระบบสั่นในการทำความสะอาด โดยไม่ต้องออกแรงเอง จึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน
✿ แปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยถนอมช่องปากมากกว่าแบบธรรมดา ที่ต้องใช้แรงในการแปรง ซึ่งเมื่อออกแรงมากเกินไป อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ และเป็นต้นเหตุของเหงือกร่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม แปรงสีฟันธรรมดา ก็สามารถควบคุมความหนักเบาในการแปรงได้ตามต้องการของผู้ใช้งาน
เมื่อคุณเลือกแปรงสีฟันที่เหมาะกับตนเองได้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลรักษาแปรงของคุณด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี โดยมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงเริ่มจาก
✿ หลังแปรงฟันเสร็จ ต้องล้างแปรงสีฟันให้สะอาด ปราศจากคราบยาสีฟัน และเศษอาหารที่อาจติดอยู่
✿ วางแปรงสีฟันให้หัวแปรงตั้งขึ้น ปล่อยให้แห้งสนิท โดยไม่เก็บแปรงในภาชนะปิด เพราะจะเกิดความชื้น เป็นเหตุให้เกิดเชื้อรา และเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
✿ ไม่ใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น
✿ อายุการใช้งานของแปรงสีฟันอยู่ที่ประมาณ 3 - 4 เดือน ดังนั้น หากใช้งานได้ครบตามระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ก็ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่เสมอ
✿ เพราะเราต้องแปรงฟันทุกวัน การเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะกับตนเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบจุลินทรีย์ คราบพลัค และเศษอาหารได้อย่างหมดจดมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาช่องปากและฟัน เราจึงต้องแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่ดีต่อช่องปากของคุณอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า และก่อนนอน นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสุขภาพฟันและช่องปากเป็นประจำทุกๆ 6 เดือน ที่ BFC Dental ทุกสาขา เพื่อสุขภาพช่องปาก และฟันที่ดี