หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

แปรงสีฟัน (Toothbrush) 


     เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำสะอาดฟัน  ลักษณะเป็นด้ามให้จับและปลายข้างหนึ่งมีขนแปรง  เพื่อใช้คู่กับยาสีฟันเพื่อขัดถูฟัน แปรงสีฟันสามารถขจัดคราบพลัค  และสิ่งสกปรกออกจากฟันได้ดี  คือแปรงสีฟันที่มีขนนุ่มและขนาดของหัวแปรงก็ไม่ควรใหญ่มาก อาจจะมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม ไม่เช่นนั้นแล้ว จะไม่สามารถเข้าถึงซอกมุมในปากได้ โดยเฉพาะฟันซี่สุดท้าย ด้ามจับต้องถนัดถือ มีความยืดหยุ่น และไม่ลื่นหลุด


     แปรงสีฟันที่มีขายตามท้องตลาด สามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ตามอายุของผู้ใช้งาน โดยจะต่างกันที่ขนาดความยาวทั้งหมดของแปรงสีฟัน ความกว้าง ความยาว และความหนาของหัวแปรง ดังนี้


  1. 1. แปรงสีฟันสำหรับเด็กต่ำกว่า 3 ปี

  2. 2. แปรงสีฟันสำหรับเด็ก 3 - 6 ปี

  3. 3. แปรงสีฟันสำหรับเด็ก 6 - 12 ปี

  4. 4. แปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่

     โดยลักษณะของขนแปรงจะแบ่งได้ 2 ชนิดตามความอ่อนนุ่ม คือ ชนิดปานกลาง และชนิดนุ่ม นุ่มพิเศษ ซึ่งคุณก็ต้องเลือกทั้งประเภทของแปรงสีฟัน และชนิดของขนแปรงให้เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง เลือกแปรงสีฟันดี สุขภาพช่องปากก็จะดีไปด้วย

วิธีเลือกแปรงสีฟันที่เหมาะสม และมีคุณภาพที่ดี enlightened

 

  1.      ● องค์ประกอบของแปรงสีฟันที่ดี

         ด้ามแปรงสีฟัน จับถนัดมือด้วยความยาวที่พอเหมาะ แข็งแรงไม่หักงอได้ง่ายๆ 

        ขนาดของหัวแปรงสีฟัน ต้องไม่มีส่วนหรือมุมที่มีความคม ไม่ใหญ่เกินไป และมีรูปทรงที่สามารถซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดภายในช่องปากได้อย่างทั่วถึง โดยหัวแปรงสีฟันของผู้ใหญ่ ควรมีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 15 มิลลิเมตร และยาว ไม่เกิน 34 มิลลิเมตร

        ✿ ขนของแปรงสีฟัน ควรผลิตจากไนลอน หรือ PTB มีความอ่อนนุ่มกำลังดี ผิวเรียบ ขอบไม่คม ขนแปรงกระจุกตัวไม่หลุดร่วงง่าย มี 3 - 4 แถว ปลายขนโค้งมนเล็กน้อย หากมีปลายแหลมต้องเป็นขนแปรงชนิดอ่อนนุ่มเท่านั้น การเลือกขนแปรงที่แข็งปานกลาง หรือแข็งมาก อาจนำไปสู่ปัญหาเหงือกร่น และเร่งให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้ง่ายขึ้น

        ✿ หัวแปรงสีฟันขนาดพอเหมาะกับช่องปากของตน ความกว้างหัวแปรงสีฟันผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 1.5 เซนติเมตร การใช้แปรงสีฟันที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องปากมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดซี่ฟันด้านในได้

        ✿ ขนแปรงชนิดปานกลาง (medium), นุ่ม (soft) หรือนุ่มพิเศษ (extra soft) เพื่อลดการทำอันตรายต่อผิวฟัน และขอบเหงือก

        ✿ ด้ามจับแปรงสีฟันยาวพอเหมาะ จับได้ถนัดมือ

        ✿ ปลายขนแปรงแบบมนกลมหรือเรียวแหลม

        ✿ ลักษณะปลายขนแปรงเรียบเสมอกัน ไม่ซิกแซก เพื่อให้แปรงสีฟันแนบกับผิวฟันบริเวณคอฟันมากที่สุด เนื่องจากบริเวณคอฟัน เป็นตำแหน่งที่พบคราบอาหารมากที่สุดบนผิวฟัน

  1.       ราคาแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับคุณภาพ          

        ✿ ราคาของแปรงสีฟันที่เหมาะสม นอกจากดูที่คุณภาพของแปรงสีฟันแล้ว อย่าลืมพิจารณาเรื่องราคาด้วย โดยราคาควรสอดคล้องกับคุณภาพของแปรงสีฟันที่ได้ ซึ่งราคาของแปรงสีฟันธรรมดาที่มีขายทั่วไป มีตั้งแต่หลักสิบ จนถึงหลักร้อย

        ✿ แปรงสีฟันธรรมดา หรือ แปรงสีฟันไฟฟ้า หากพูดถึงประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของแปรงสีฟันทั้งสองแบบ ก็พูดได้เลยว่า สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ต่างกัน ดังนั้น เมื่อต้องเลือกระหว่างแปรงสีฟันธรรมดา กับ แปรงสีฟันไฟฟ้า เราอาจจะต้องพิจารณาที่เรื่องอื่น ได้แก่

        ✿ แปรงสีฟันไฟฟ้า เกิดมาเพื่อช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวให้สามารถแปรงฟันได้ง่ายขึ้น

        ✿ แปรงสีฟันไฟฟ้ามีราคาแพงกว่าแบบธรรมดา และมีค่าใช้จ่ายเสริมในขณะใช้งานด้วย

        ✿ แปรงสีฟันไฟฟ้าใช้ระบบสั่นในการทำความสะอาด โดยไม่ต้องออกแรงเอง จึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน

        ✿ แปรงสีฟันไฟฟ้าช่วยถนอมช่องปากมากกว่าแบบธรรมดา ที่ต้องใช้แรงในการแปรง ซึ่งเมื่อออกแรงมากเกินไป อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ และเป็นต้นเหตุของเหงือกร่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม แปรงสีฟันธรรมดา ก็สามารถควบคุมความหนักเบาในการแปรงได้ตามต้องการของผู้ใช้งาน

 

  1.      การดูแลรักษา และอายุการใช้งานของแปรงสีฟัน

     เมื่อคุณเลือกแปรงสีฟันที่เหมาะกับตนเองได้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลรักษาแปรงของคุณด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดี โดยมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงเริ่มจาก

        ✿ หลังแปรงฟันเสร็จ ต้องล้างแปรงสีฟันให้สะอาด ปราศจากคราบยาสีฟัน และเศษอาหารที่อาจติดอยู่

        ✿ วางแปรงสีฟันให้หัวแปรงตั้งขึ้น ปล่อยให้แห้งสนิท โดยไม่เก็บแปรงในภาชนะปิด เพราะจะเกิดความชื้น เป็นเหตุให้เกิดเชื้อรา และเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย

        ✿ ไม่ใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น 

        ✿ อายุการใช้งานของแปรงสีฟันอยู่ที่ประมาณ 3 - 4 เดือน ดังนั้น หากใช้งานได้ครบตามระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ก็ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่เสมอ

        ✿ เพราะเราต้องแปรงฟันทุกวัน การเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะกับตนเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบจุลินทรีย์ คราบพลัค และเศษอาหารได้อย่างหมดจดมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาช่องปากและฟัน เราจึงต้องแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่ดีต่อช่องปากของคุณอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า และก่อนนอน นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสุขภาพฟันและช่องปากเป็นประจำทุกๆ 6 เดือน ที่ BFC Dental ทุกสาขา เพื่อสุขภาพช่องปาก และฟันที่ดี

BACK