โดยสารอาหารเหล่านี้ช่วยในการเผาผลาญสารอาหารหลัก ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เพื่อให้พลังงานแก่ร่งกาย นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยรัษามวลกล้ามเนื้อ และช่วยให้ ผิว ผม ตา ปาก ตับ มีสุขภาพแข็งอีกด้วย นอกจากนี้จากการศึกษาทั้งในสัตว์ทดลองและในคนยังพบประโยชน์ ของบรีเวอร์ยีสต์ในด้านต่างๆ เช่น ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ลดระดับคอเลสเตอรอลตัวร้าย คือ ชนิดแอลดีแอลคอเลสเตอรอล (LDL-Cholesterol) ช่วยควบคุมการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ ป้องกันโรคภูมิแพ้ ต้านมะเร็ง
งานวิจัยหลายเรื่องศึกษาประโยชน์ของบริเวอร์บยีสต์ต่อสุขภาพผิว โดยหนึ่งในนั้นคืองานวิจัยจากสมาคมเวชศาสตร์ชะลอวัย ประเทศญี่ปุ่น (The Japanese Society of Anti-Aging Medicine) ที่ศึกษาผลของบรีเวอร์ยีสต์ต่อสุขภาพผิวในอาสาสมัครหญิง 32 คน นักวิจัยพบว่า กลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับบรีเวอร์ยีสต์เสริมวันละ 7,125 มิลลิกรัม นาน 8 สัปดาห์ มีสุขภาพผิวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับบรีเวอร์ยีสต์เสริม โดยพบว่า บรีเวอร์ยีสต์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดอาการผื่นคัน เพิ่มความกระจ่างใส และช่วยให้รูขุมขนเล็กลง
ผลิตภัณฑ์บรีเวอร์ยีสต์มีทั้งชนิดผงและชนิดเม็ด โดยข้อมูลจากหนังสือ The Essential Herb – Drug – Vitamin Interaction Guide แนะนำให้กินบรีเวอร์ยีสต์ไม่เกินวันละ 6 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หากกินปริมาณสูงกว่านี้อาจเสี่ยงเกิดอาการไม่สบายท้องจากการมีแก๊สในลำไส้ หรือมีอาการแพ้ เช่น คัน ปวดศีรษะไมเกรน ลมพิษ หากกินชนิดผงอาจทำให้รู้สึกพะอืดพะอมขณะกลืนลงคอ ข้อมูลจากหนังสือ The Encyclopedia of Healing Foods แนะนำวิธีกินบรีเวอร์ยีสต์ชนิดผงอย่างง่ายๆ โดยการผสมผงบรีเวอร์ยีสต์ลงในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ใส่ในน้ำเปล่า น้ำผลไม้ เครื่องดื่มสมู้ตที เครื่องดื่มผสมข้าวโอ๊ต ใส่ในซีเรียลเป็นมื้อเช้า เติมในโยเกิร์ต น้ำสลัด ขนมอบ น้ำซุป ซอสมะเขือเทศ นอกจากนี้ควรเก็บผงบรีเวอร์ยีสต์ในขวดทึบแสง วางไว้ในที่แห้งและเย็นสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 3 ปี
✿ บำรุงร่างกาย ระบบประสาท และผิวพรรณ
✿ อุดมไปด้วยวิตามินบี (Vitamin B Complex) ในปริมาณที่สูง
✿ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย หรือ อาการซึมเศร้าแบบเรื้อรัง
✿ บำรุงร่างกาย สมอง และ ระบบประสาท
✿ บำรุงผิวพรรณ เส้นผม และเล็บ
✿ ให้กรดอะมิโนชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์
✿ สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
✿ ช่วยป้องกันอาการท้องผูก ป้องกันท้องร่วงในระหว่างเดินทางได้
✿ ช่วยในกระบวนการเมตาโบลิซึมของไขมันและโปรตีน
✿ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และเร่งการสร้างคอลลาเจน
✿ ป้องกันอาการเหน็บชาในผู้ป่วยเบาหวาน
✿ ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว
ในกลุ่มธุรกิจโรงงานอาหารเสริม ได้มีการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์และสารอาหารของยีสต์ พบว่า ในยีสต์มีโปรตีนสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์แบบ มีกรดอะมิโนแอซิด เกือบทุกชนิดในปริมาณที่สมดุล มีวิตามินบีทุกชนิดและมีโครเมียมซึ่งเป็นตัวประกอบสำคัญของสารอาหารที่เพิ่ง ค้นพบใหม่ช่วยให้พลังงานในร่างกายคงที่อยู่เสมอ ลดอาการเป็นลมหน้ามืด ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดได้ ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดและจากรายงานทางการวิจัยพบว่าในยีสต์มีธาตุซีเลเนียม มีคุณสมบัติป้องกันมะเร็งได้
นอกจากนี้ ในยีสต์ยังมีธาตุเหล็ก แคลเซียม และโพแทสเซียม ปัจจุบันมีการใช้ยีสต์ผลิตราโรทีนอยส์และบีตา-คาโรทีนอยด์ ที่เป็นวัตถุสำคัญเนื่องจากมนุษย์ และสัตว์ไม่สามารถสร้างได้เองต้องรับมาจากภายนอกเท่านั้น มีประโยชน์ในการต่อต้านมะเร็งหลายชนิดและโรคอื่น ๆถึง 10 ชนิด เช่น มะเร็งเต้านม ปอด ลำไส้ใหญ่ ซึ่งแน่นอน เราคงไม่สามารถหายีสต์มาทานได้เอง แต่เราสามารถหาได้จากแบรนด์อาหารเสริม ในทั่วตลาดได้
โดยเมื่อเปรียบเทียบยีสต์กับข้าวสาลีซึ่งเป็นอาหารที่ให้วิตามินบีสูง พบว่ายีสต์มีวิตามินบี 1 มากกว่าถึง 10 เท่า วิตามินบี 2 มากกว่า 8 เท่าและมีวิตามินบี 3 มากกว่า 10 เท่า โดยทุกส่วนของร่างกายมนุษย์ เช่น โลหิต ข้อต่าง ๆ ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ประสาท ล้วนแต่ต้องการวิตามินบีทั้งสิ้น หากเปรียบเทียบยีสต์กับเนยถั่วพบว่ายีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ มีไขมันเพียง 1 ใน 8 ของไขมันในเนยถั่ว ดังนั้น ถ้าจะรับประทานเป็นอาหารเสริมสุขภาพ ขอแนะนำให้รับประทานยีสต์ผง ที่สามารถนำมาโรยบนอาหารอะไรก็ได้หรือจะคลุกกับเนื้อทอดก็อร่อยเช่นกัน
แม้บรีเวอร์ยีสต์จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบุคคลดังต่อไปนี้