บิลเบอร์รี่ (Bilberry Extract) ส่งผลช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นอย่างไร
ว่าด้วยเรื่องการมองเห็น ก็ต้องใช้ดวงตาของเราซึ่งเป็นตัวกลางในการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว โดยดวงตาเรานั้นมีบทบาทที่สำคัญและเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ซึ่งถ้าเราไม่สามารถมองเห็นได้จะทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างลำบากมาก การมองไม่เห็น หรือสายตาพร่ามัว ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างคนปกติไม่ได้ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับดวงตา คอยป้องกันไม่ให้ดวงตาทำงานหนักเกินไป ควรมีการพักสายตาจากการทำงานหนัก ๆ ใช้คอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือนาน ๆ และควรบำรุงสายตาให้สุขภาพดีอยู่สม่ำเสมอ
จากการวิจัยสารอาหารจากหลากหลายอย่างที่เป็นที่นิยม สิ่งที่ส่งผลดีกับดวงตาได้มาก ซึ่งนั่นก็คือ บิลเบอร์รี่ โดยสรรพคุณของบิลเบอร์รี่นั้นสำคัญกับดวงตาโดยตรง บิลเบอร์รี่เป็นผลไม้พุ่มขนาดเล็ก พบได้ในแถบอเมริกา แคนาดา ยุโรป ส่วนมากนิยมนำมาทำแยมใช้ทานกับขนมปัง ส่วนของกิ่งก้านหรือใบก็สามารถนำไปทำให้แห้งและทำเป็นชาดื่มเพื่อสุขภาพได้ด้วย สารที่มีอยู่ในบิลเบอร์รี่ ประกอบด้วยสารแอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanoside) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถจับกับผิวที่จอเรติน่าบนดวงตาได้ดีจึงทำให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ประสาทตา และช่วยลดระยะเวลาการปรับแสงสว่างไปสู่ที่มืดได้เร็วขึ้นจึงทำให้การมองเห็นในที่มืดได้ดี สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายที่มีสูงกว่าวิตามินซีถึง 50 เท่า แล้วยังเป็นวิตามินที่มีโครงสร้างอยู่ในฮอร์โมนเพศหญิง หรือเอสโตเจนด้วย ที่มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น เรียบเนียน สารแทนนิน (Tannins) ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย หรือเชื้อโรค ช่วยในการสมานแผลให้หายเร็วขึ้น อีกทั้งช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย และ สารกลูโคควินิน (Gucoquinine) ที่ช่วยในการให้ตับทำหน้าที่ผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น เพราะอินซูลินมีหน้าที่สำคัญในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในร่างกาย ให้เป็นพลังงานไปใช้ในส่วนของเซลล์ต่าง ๆ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีมากขึ้นด้วย
บิลเบอร์รี่นับเป็นผลไม้ลูกเล็ก ๆ แต่มีสรรพคุณที่สำคัญกับดวงตามากมาย นอกจากสรรพคุณในเรื่องการมองเห็นได้ดีขึ้นแล้ว บิลเบอร์รี่ยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าของดวงตา ให้ดวงตาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยป้องกันเลนส์ตา เพิ่มคอลลาเจนในตา ช่วยให้เส้นเลือดฝอยในตาแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสในการเกิดโรคต้อกระตก ต้อหิน ตาเสื่อมได้อีกด้วย นอกจากบิลเบอร์รี่จะถูกนำมาแปรรูปเป็นแยมแล้วมากว่า100ปี ก็ยังถูกนำมาทำเป็นสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ที่สกัดเฉพาะสารอาหารที่เป็นส่วนสำคัญ ทำมาเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ หรืออาหารเสริมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ทานได้ง่ายขึ้นและได้รับสารอาหารที่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งการเลือกทานนั้นก็ต้องมีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นในการเลือกทานในรูปแบบที่เป็นผลิตภัณอาหารเสริมจึงเข้มข้นเพราะผ่านการสกัดมาแล้วและสะดวกต่อชีวิตประจำวันมากกว่าการทานวัตถุดิบในปริมาณที่เยอะถึงจะเทียบเท่าสกัดเป็นเม็ดมาแล้ว
ในส่วนของบิลเบอร์รีนั้นจะมีสารอาหารที่สำคัญ ๆ ต่อร่างกายของเราประกอบอยู่หลายชนิด เช่น วิตามิน A, C, โซเดียม, ฟอสฟอรัส, สังกะสี รวมถึงแคลเซียมซีลีเนียม แมงกานิส และไบโอฟลาโวนอยด์ (วิตามิน P) ที่มีส่วนช่วยในการทำงานร่วมกันกับวิตามินซี สำหรับสารอาหารต่าง ๆ ที่มีในผลไม้ชนิดนี้จะเป็นประโยชน์ดีอย่างมากต่อร่างกาย แต่สรรพคุณสุดยอดที่นับว่าดีที่สุดของ “บิลเบอร์รี่” นั้นก็คือ เป็นผลไม้ทีดีที่สุด เป็นอาหารบำรุงสายตา เป็นวิตามินบำรุงสายตา ทีเหนือว่าผลไม้อื่น ๆ เรียกว่าถ้าหากคุณต้องการบำรุง แก้ปัญหาของสายตา เช่น อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานมองหน้าจอคอม การขับขี่รถยนต์ที่ต้องใช้สายตาเวลานาน ๆ การอ่านหนังสือ
สรรพคุณอื่นๆ
1. สารแทนนิน ในผลบิลเบอร์รี่สามารถบรรเทาอาการท้องเสีย อาการคลื่นไส้ และภาวะอาหารไม่ย่อยได้
2. ปกป้องโครงสร้างของผนังเส้นเลือดฝอย ช่วยเพิ่มแรงต้านและเพิ่มการขยายตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น มีผลในการช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นดีขึ้น ไม่เปราะหรือฉีกขาดง่าย ดังนั้น จึงมีผลดีต่อเนื้อเยื่อที่มีเส้นเลือดฝอยหล่อเลี้ยงจำนวนมาก เช่น จอประสาทตา (Retina) ระบบหลอดเลือดดำและไต เป็นต้น จึงสามารถป้องกันจอประสาทตาเสื่อม(macular degeneration) และสามารถลดอาการปวดเจ็บจากภาวะเส้นเลือดขอด (Varicose vein) ได้
3. ลดอาการอักเสบบในช่องปาก และเยื่อบุช่องปากได้
4. ช่วยลดอาการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ที่ให้เกิดจุดด่างดำของผิวพรรณได้
ในการรับประทานเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บิลเบอร์รี่มีทั้งในรูปแคปซูลและแบบน้ำ รับประทานแคปซูลขนาด 500 มก. ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง หรือผสมแบบน้ำ 15-40 หยดในน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ ดื่มวันละ 3 เวลา บิลเบอร์รี่จะทำงานได้ดีที่สุดหากรับประทานร่วมกับวิตามินซี (รับประทานวิตามินซีได้ถึง 500 มก.ต่อวัน)
อย่ารับประทานเกินขนาดที่แนะนำ! ถึงแม้ว่าบิลเบอร์รี่แบบสกัดที่วางขายกันอยู่นั้นจะปลอดภัย แต่ใบบิลเบอร์รี่อาจเป็นพิษได้หากรับประทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน