อัลฟ่า-ไลโปอิก-แอซิด (Alpha Lipoic Acid) หรือ “ALA” พบมากที่ตับและเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย รวมทั้งในผักและผลไม้บางชนิด ALA เป็นสารอาหารที่มีลักษณะคล้ายวิตามิน สามารถละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย และสามารถซึมผ่านเข้าไปในชั้นลึกสุดของเซลล์ในระดับ DNA จึงช่วยชะลอความเสื่อมได้ในระดับเซลล์
การทำงานของ ALA ส่งผลดีต่อสุขภาพ ดังนี้
ประสิทธิภาพทางด้านความงาม
ส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ (Universal Antioxidant) กรดอัลฟ่าไลโปอิก (ALA) นอกจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพแล้ว อีกสิ่งที่โดดเด่นก็คือ ช่วยฟื้นฟูสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น วิตามินซี, วิตามินอี, กลูต้าไธโอน และ โคเอ็นไซม์คิว10 ที่หมดประสิทธิภาพไปแล้วจากการทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระ ให้กลับมาอยู่ในรูปที่ใช้งานได้อีก และยังเป็นสารทดแทนในกรณีที่สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ขาดแคลน เช่น เมื่อระดับของวิตามินซี หรือวิตามินอี ที่เก็บสะสมอยู่ในร่างกายมีระดับต่ำลง ALA จะสามารถเข้าทำงานทดแทนได้ชั่วคราว ทำให้ ALA ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Universal Antioxidant” ซึ่งส่งผลดีทางด้านความงาม ดังนี้
▶ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ลดริ้วรอยและความแห้งกร้าน เพราะประสิทธิภาพในการปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระได้ในระดับเซลล์ และช่วยลดขนาดของรูขุมขน จึงทำให้ต่อมไขมันทำงานได้น้อยลง รูขุมขนจึงกระชับและมีผิวที่เรียบเนียนมากขึ้น นอกจากนี้ จากการทดลองในอเมริกา ยังพบว่า สามารถลดริ้วรอยแบบตื้น ได้ถึง 52% เมื่อรับประทานต่อเนื่องกัน นาน 3 เดือน
▶ ผิวขาวกระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะ ALA ช่วยดึงกลูต้าไธโอนที่เสื่อมสภาพไปแล้ว ให้กลับมาอยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้อีก จึงเป็นการช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนให้มากขึ้น ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น และช่วยขับล้างสารพิษตกค้างในตับ ร่างกายจึงมีสุขภาพดีทั้งภายนอกและภายใน นอกจากนี้ ALA ยังลดการระคายเคืองผิวจากรังสี UV และมลภาวะต่างๆ ทั้งยังทำให้เม็ดสีผิวสม่ำเสมอ ลดจุดด่างดำต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับจากการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ จึงทำให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
▶ ลดการอักเสบและการเกิดสิว จากความสามารถในการทำให้ วิตามินซี, วิตามินอี ที่เสื่อมสภาพแล้วให้กลับมาทำงานได้อีก จึงทำให้สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากงานวิจัย ยังพบว่า ALA ช่วยรักษาการอักเสบของสิว เพราะมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ
ประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ALA มีหน้าที่หลักในเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสให้กลายเป็นพลังงาน โดยมีคุณสมบัติเสริมการออกฤทธิ์กับอินซูลิน โดยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนในการย่อยสลายน้ำตาลให้เป็นพลังงาน และทำลายอนุมูลอิสระที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการสลายน้ำตาลกลูโคสภายในเซลล์ จึงมีผลในการลดระดับน้ำตาล และอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เช่น โรคเกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ, อาการชาตามปลายมือ-ปลายเท้า, ต้อกระจก ซึ่งงานวิจัยจาก University of California USA พบว่า การรับประทาน ALA ในปริมาณ 25 mg/kg . สามารถป้องกันโรคต้อกระจกได้ถึง 60% ด้วยการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพดังกล่าว ทำให้หลายประเทศอนุมัติให้ ALA เป็นยารักษาโรคและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
ลดระดับไขมันในเส้นเลือด และความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
ALA ช่วยลดคลอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันการเกิดคราบพลัค(plaque) ที่ก่อตัวบริเวณผนังหลอดเลือด รวมทั้งลดอาการหลอดเลือดแข็งตัวและหลอดเลือดแดงเปราะ ซึ่งถือเป็นการลดความเสี่ยงของโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด, โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ตลอดจนลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจ
เทียบขนาดรับประทานจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กรดอัลฟ่าไลโปอิก (ALA) ที่ได้รับมาตรฐานสากล จากประเทศสหรัฐอเมริกา
▶ เพื่อความงามและต้านอนุมูลอิสระ แนะนำให้รับประทาน ขนาด 50-100 มก./วัน
▶ เพื่อเพิ่มความไวต่ออินซูลินและโรคแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน แนะนำให้รับประทาน ขนาด 300-600 มก./วัน