หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

ตาแห้ง (Dry eyes)


โรคตาแห้ง ภัยร้ายแรงกว่าที่คิด


     ตาแห้ง เป็นโรคตาที่เกิดจากระบบต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ ทำให้มีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอหรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการไม่สบายตา เช่น เคืองตา แสบตา ตาแห้ง เป็นต้น


รู้หรือไม่...?


     คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า โรคตาแห้ง ตาจะต้องแห้งไม่มีน้ำตาเลย แต่แท้จริงแล้ว โรคตาแห้ง อาจจะมีอาการน้ำตาไหลตลอดเวลา หรือ ตาแฉะมาก ไม่ได้แห้งเหมือนอย่างที่ชื่อโรคบอกไว้ ซึ่งอาการตาแห้ง มี 2 ลักษณะ คือ แบบที่ไม่มีน้ำตาออกมา กับ แบบที่น้ำตาพยายามหลั่งออกมาแต่ไม่พอ เมื่อหลั่งมาไม่พอก็จะหลั่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตาแฉะนั่นเอง


สาเหตุของอาการตาแห้ง


ใช้สายตาเป็นเวลานานๆ เช่น อ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์


มีการสร้างน้ำตาลลดลง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ


ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือใช้คอนแทคเลนส์ที่ไม่มีคุณภาพ


เป็นภูมิแพ้ที่ตา หนังตา หรือเยื่อตาอักเสบเรื้อรัง


รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาคลายเครียด


เคยทำเลสิก หรือผ่าตัดตา


ผู้ที่มีปัญหาหลับตาไม่สนิท


อยู่ในบริเวณอากาศแห้ง ลมแรง เป็นเวลานาน


อาการตาแห้ง


คันตา แสบตา ระคายเคืองตา


มีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมคล้ายทรายหรือฝุ่นอยู่ในตา


▶ แพ้แสง แพ้ลม


บริเวณตาขาวมีสีแดงจากการอักเสบ ขอบเปลือกตาแดง


ตาพร่ามัว


รู้สึกไม่สบายตาเมื่อตื่นนอน


การดูแลและป้องกันตาแห้ง


หากจำเป็นต้องใช้สายตานานๆ ควรพักสายตาทุก 3-60 นาที ด้วยการหลับตา 1-2 นาที


กระพริบตาบ่อยๆ ให้มีน้ำตาเคลือบตาตลอดเวลา


หากรู้สึกระคายเคืองตา ควรหยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา


ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน


ผู้รับประทานยาแก้แพ้เป็นประจำ อาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมช่วย


ดื่มน้ำมากๆ


ควรสวมแว่นกันแดดหรือกันลม หากจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่อากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมพัดแรง


รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น ผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารทะเลที่มีกรดไขมันที่จำเป็น หรือโอเมก้า-3


ประคบด้วยน้ำอุ่น นวดและฟอกทำความสะอาดเปลือกตา เพื่อกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่บริเวณรอบเปลือกตา ช่วยลดการเกิดต่อมไขมัน เปลือกตาอุดตัน ซึ่งเป็นเหตุทำให้เปลือกตาอักเสบเรื้อรัง

การรักษาโรคตาแห้ง

มีหลายวิธีที่สามารถปฏิบัติเองได้ง่ายๆ จนถึงต้องพบจักษุแพทย์ วิธีการรักษามีดังนี้

1.ลดการระเหยของน้ำตาให้น้อยลง เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีคือ หลีกเสี่ยงการปะทะโดยตรงกับแดดและลมโดยสวม

แว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง ไม่นั่งในที่ที่มีลมพัดหรือแอร์เป้าใส่หน้า

2.กระพริบตาถี่ๆ ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20-22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดน้ำตาให้

มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าขณะที่จ้องหรือเพ่งตาจะลืมค้างไว้นานกว่าปกติ ทำให้กระพริบตาได้เพียง 8-10 ครั้ง

น้ำตาก็จะระเหยออกไปมากทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตา โดยการหลับตา กระพริบตา หรือลุกขึ้นเปลี่ยน

อริยบท ประมาณ 2-3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง

3.สำหรับผู้ที่ตาแห้งมาก อาจใช้กรอบแว่นชนิดพิเศษที่มีแผ่นคลุมปิดกันลมด้านข้าง แว่นชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยครอบ

ทั้งดวงตาและป้องกันลมด้วย หรือจะใช้แผ่นชิลิโคนชนิดพิเศษ ที่ใสบาง และนุ่ม นำมาตัดให้เข้ากับด้านข้างของ

กรอบแว่นตาคู่เดิม ซึ่งเรียกว่า Moist Chamber

4.การอุดรระบายน้ำตา สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งอย่างรุนแรง จักแพทย์จะใช้วิธีอุดรูระบายน้ำตาเพื่อชังน้ำตาที่มีอยู่

ให้หล่อเลี้ยงตาอยู่ได้นานๆไม่ปล่อยให้หลทิ้งไป เหมือนกับการสร้างเขื่อนกั้นเก็บกั้นเก็บกักน้ำไว้ใช้

5.ใช้น้ำตาเทียม เป็นยาหยอดตาที่ใช้เพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นกับผู้ที่ตาแห้ง การรักษาด้วยวิธีใช้น้ำตาเทียม เวลา

ในการหยอดตาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการตาแห้ง หากวันใดไม่ถูกลม แล้วรู้สึกสบายตาก็ไม่จำเป็นต้อง

หยอด แต่ถ้ารู้สึกเคืองตามาก ก็หยอดบ่อยๆได้ตามต้องการ

การดูแลและป้องกันตาแห้ง

​​​​​​​

ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม

     ผู้ป่วยที่ตาแห้งน้อย หยอดตาไม่เกินวันละ 4-5 ครั้ง สามารถช้ยาหยอดตาชนิดที่มีสารกันเสียได้ กรณีผู้ป่วยที่ตาแห้ง

มาก และหยอดตามากกว่าวันละ 6 ครั้ง จักษุเพทย์จะสั่งน้ำตาเทียมชนิดพิเศษที่ไม่มีสารกันบูต (Preservative-Free Tear)

ให้ใช้แทน ซึ่งมีข้อจำกัด คือ ยาจะบรรจุในหลอดเล็ก เมื่อเปิดใช้แล้วต้องใช้ให้หมดภายใน 16 ชั่วโมง หากใช้นานกว่านี้อาจเกิด

การปนเปื้อนของเชื้อโรค

BACK