หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

Computer Vision Syndrome (CVS)


โรคสายตาของคนทำงานยุคใหม่ 

     เราจะทำอย่างไร เมื่อชีวิตประจำวันที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ส่งผลให้สุขภาพดวงตาเสื่อมโทรม เป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้งานคอมพิวเตอร์จะทำให้เกิดปัญหาอย่างเช่น อาการปวดรอบดวงตา ปวดศีรษะ ตาแห้ง ฯลฯ ซึ่งหากปล่อยไว้ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณลดลงแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพดวงตาในระยะยาวด้วย ดังนั้นเราจะทำอย่างไร ในการดูแลรักษาดวงตาของเราจากเทคโนโลยีปัจจุบัน

     รู้จักกับ Computer Vision Syndrome (CVS) เป็นกลุ่มของอาการทางตาและการมองเห็น ที่มีผลมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งความรุนแรงของอาการจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการใช้งานอันที่จริงแล้ว เวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์นั้น ดวงตาของคนเราจะถูกใช้งานแตกต่างจากการอ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษ ไม่ว่าจะเป็นระยะการมองหรือมุมที่ต้องก้มขณะที่อ่าน และบ่อยครั้งที่พบว่าตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นมีความชัดเจนไม่เพียงพอ รวมทั้งความเข้มหรือความสว่างของหน้าจอซึ่งถูกปรับตั้งไว้ไม่เหมาะสมในขณะใช้งาน ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนทำให้เราต้องใช้สายตามากกว่าปกติในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์และส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้าจากการใช้งานดังกล่าวเป็นระยะเวลานานได้ ซึ่งพบว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกิน 2 ชั่วโมง จะมีความเสี่ยงที่จะเป็น Computer Vision Syndrome ได้สูง


โรคซีวีเอส (CVS) คืออะไร


     โรคซีวีเอส (CVS) เกิดจากพฤติกรรมการมองจอภาพเป็นเวลานานๆ ต่อเนื่องเกินสองถึงสามชั่วโมงต่อวัน เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและประสาทตาในลักษณะเพ่งจอตลอดเวลา จนเกิดอาการดวงตาล้า แสบตา ตามัว ตาแห้ง น้ำตาไหล มองเห็นภาพซ้อน ตาโฟกัสช้า เคืองตา และบ่อยครั้งมีอาการปวดหัว ปวดคอ ปวดไหล่ หรือปวดหลังร่วมด้วย ระดับความรุนแรงของอาการจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้สายตาอยู่หน้าจอ ซึ่งทั้งหมด คือ สัญญาณเตือนของการเกิดโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม


อาการของโรคซีวีเอส


 ตาล้า


 ตามัว


 ตาโฟกัสช้า


 เห็นภาพซ้อน


 ปวดตา ปวดหัว คอ ไหล่ หลัง ตามมา


 แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล


 ตาแห้ง

ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคซีวีเอส

 ขณะจดจ่อกับการอ่านหนังสือหรือจ้องจอคอมพิวเตอร์จะมีการกระพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งง่ายขึ้น


 แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม


 มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์


 การที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เรียบคมชัดเท่าตัวพิมพ์บนหน้าหนังสือ หรือมีความไม่นิ่งของสัญญาณในจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องพยายามโฟกัสมากขึ้นจึงก่อให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าได้ง่ายขึ้น


 ท่าทางในการในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม

การป้องกันโรคซีวีเอส


 ปรับแสงสว่างหน้าจอให้พอเหมาะ ไม่สว่างเกินไป


 ถ้าต้องอยู่หน้าจอทั้งวันเกิน 1-2 ชั่วโมง ควรพักสายตาเป็นระยะ โดยใช้สูตร 20-20-20 คือ ละสายตาจากหน้าจอทุก 20 นาที แล้วมองไปที่วัตถุไกลอย่างน้อย 20 ฟุต นาน 20 วินาที


 เวลาอยู่หน้าจอ ต้องหมั่นกระพริบตาบ่อยๆ หากแสบตามาก อาจใช้น้ำตาเทียมช่วย


 ควรใช้แผ่นกรองแสงวางหน้าจอ หรือใส่แว่นกรองแสง


 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพดวงตา

ข้อควรปฏิบัติ

วิธีการแก้ไขที่ควรนำไปปฏิบัติมีหลายประการ เช่น

  1. enlightenedให้พักสายตาเป็นระยะๆ หลังจากทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปได้สัก 20-30 นาที ควรหยุดพักสายตาเป็นเวลา 2-4 นาที แล้วค่อยลืมตาขึ้นทำงานใหม่ หากสามารถปฏิบัติได้จนเป็นนิสัย ก็จะป้องกันไม่ให้เกิดกลุ่มอาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมได้

enlightenedการทำงานจ้องจอภาพนานเกินไป ไม่ว่าจะเกิดจากงานเร่ง หรือมีหน้าที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดียวก็ตามย่อมเกิดอาการได้ง่าย ทุก 2 ชั่วโมงที่จ้องจอภาพควรพักสายตาประมาณ 15 นาที โดยมองออกไปไกลๆ หรือหลับตาเฉยๆ หากเป็นไปได้ควรทำงานที่จ้องจอภาพวันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง เวลาที่เหลือไปทำงานอย่างอื่นบ้าง

enlightenedพิจารณาแสงสว่าง ทั้งแสงภายในห้องทำงาน และแสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยจัดแสงภายในห้องทำงานไม่ให้มีแสงสะท้อนมาที่จอคอมพิวเตอร์ และปรับแสงสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้แสงจ้ามากเกินไป หลายคนทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่เคยปรับแสงสว่าง รวมทั้งความเข้มของแสงเลยสักครั้งเดียว

enlightenedนั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 16-30 นิ้วจากดวงตา และควรให้จุดกึ่งกลางของหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20 องศา จัดเป็นท่านั่งทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด

enlightenedระมัดระวังปัญหาปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ ที่มักเกิดขึ้นร่วมกันได้บ่อยๆ

     จะเห็นว่าในยุคปัจจุบัน Computer Vision Syndrome เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรา โดยที่บางคนอาจจะเป็นโรคนี้โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน และถ้าปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการใส่ใจ และแก้ไขที่สาเหตุ อาการที่กล่าวมานั้นก็จะกลับเป็นซ้ำ และอาจมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต ในกรณีที่ Computer Vision Syndrome ถูกละเลยไม่ได้รับการรักษา อาการเหล่านี้จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นปัญหาที่เรื้อรังแก้ไขได้ยาก และในที่สุดอาการเหล่านี้จะติดตัวคนไข้ไปตลอด นอกจากนี้ภาวะตาแห้งที่รุนแรงยังอาจทำให้กระจกตาเป็นแผลอักเสบ หรือติดเชื้อซึ่งมีผลต่อการมองเห็นหรือแม้กระทั่งตาบอด หรือสูญเสียลูกตาได้ 

BACK