หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

ปวด บวม ช้ำ (Brunt Trauma)


ปวด บวม ช้ำ เกิดได้หลากหลายสาเหตุ enlightened


     ปวด บวม ช้ำ (Brunt Trauma) เป็นอาการบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง เนื่องจากเส้นเลือดฝอยแตกจนเกิดเลือดสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ รอยช้ำเป็นอาการที่พบได้บ่อยและเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย อาการเริ่มต้นมักเป็นสีแดง ปวดและ/หรืออาจมีอาการบวมร่วมด้วย จากนั้นจะค่อยๆ คล้ำขึ้นหรือเป็นสีม่วงเข้มภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการแดงขึ้น หลังจากนั้นอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขียวหรือสีอื่นๆ เช่น น้ำตาล น้ำตาลอ่อน หลังผ่านไปจาก 2-3 วัน แสดงถึงการคั่งของเลือดเสียในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อรอยช้ำเริ่มจางลงแต่รอยสีดังกล่าวจะค่อยๆ จางไปเมื่อเวลาผ่านไป รอยช้ำที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปจะมีอาการกดเจ็บและบางครั้งอาจสร้างความเจ็บปวดในช่วง 2-3 วันแรก แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและอาการเจ็บจะหายไปพร้อมกับสีที่จางลง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกายเมื่อถูกกระแทก ถูกชน หรือถูกต่อย ทำให้มีเลือดออกในชั้นใต้ผิวหนังมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับความแรงที่มากระทบ


1. Acute injury ซึ่งเป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นทันทีหลังจากได้รับอุบัติเหตุหรือแรงกระทำที่มากพอจะทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นมาในทันทีและมักมีอาการบวมตามมา โดยจะบวมจะเกิดขึ้นมากที่สุดหลังจากได้รับบาดเจ็บประมาณ 2-3 ชั่วโมง การบาดเจ็บเฉียบพลันที่พบบ่อย ได้แก่ กระดูกหัก เส้นเอ็นฉีกขาดข้อเคลื่อน บาดแผล ฟกช้ำ


2. Overuse injury เป็นการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับอุบัติเหตุหรือแรงมากระทำซ้ำๆ (repetitive injury) โดยแต่ละครั้งมีความรุนแรงไม่มากพอที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมาทันที ร่างกายจะมีการซ่อมแซมและปรับสภาพ แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บต่อเนื่องซ้ำๆ จนร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมได้ทัน จะทำให้เกิดอาการตามมาภายหลัง ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดการบาดเจ็บชนิดนี้คือ ความรุนแรงและความถี่ของการบาดเจ็บ ส่วนปัจจัยเสริมอื่นที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บง่ายขึ้นได้แก่ แนวของรยางค์ผิดปกติ (malalignment) , กล้ามเนื้อไม่สมดุล (muscle imbalance) การฝึกฝนที่ผิดและการใช้อุปกรณ์ผิดประเภท สาเหตุเหล่านี้ล้วนกระตุ้นให้เกิดภาวะบาดเจ็บนี้ได้ การบาดเจ็บชนิดนี้พบได้บ่อยในระหว่างการฝึกฝนกีฬา (training)



สาเหตุหลักของการเกิดการบาดเจ็บ enlightened


การรักษารอยช้ำด้วยตนเองในเบื้องต้น yes

  1.     1. ประคบเย็นบริเวณที่เกิดอาการช้ำ ด้วยสำลีหรือผ้าชุบน้ำเย็น อาจใช้ถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าประคบลงบนบริเวณที่มีอาการประมาณ 10-15 นาทีและไม่ควรให้ผิวหนังสัมผัสน้ำแข็งโดยตรง เพราะความเย็นอาจทำให้ผิวหนังเสียหายได้ หากเกิดรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณขาหรือเท้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังได้รับบาดเจ็บ ควรยกขาให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
  1.     2. หากมีอาการฟกช้ำในภาย 48 ชั่วโมงแรก ควรประคบเย็นด้วยน้ำเย็นหรือน้ำแข็ง วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15-30 นาที ส่วนรอยช้ำบริเวณศีรษะและใบหน้าให้ประคบด้วยน้ำแข็ง หรืออาจใช้ผ้าม้วนให้หนาพอ กดบริเวณที่ฟกช้ำเพื่อลดบวม
  1.     3. หลังเกิดอาการช้ำประมาณ 48 ชั่วโมง สามารถประคบร้อน ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นวางประคบบริเวณที่เกิดรอยช้ำประมาณ 10 นาที จำนวน 2-3 ครั้ง/วัน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในบริเวณที่เกิดรอยช้ำได้และช่วยให้ผิวหนังสามารถดูดซึมเลือดกลับได้เร็วยิ่งขึ้น รอยช้ำก็จะค่อยๆ จางหายไปในที่สุด
  1.     4. การใช้ยาบรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น พาราเซตามอลและควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพริน (Aspirin) หรือไอบูโบรเฟน (Ibuprofen) เพราะอาจเสี่ยงทำให้มีอาการเลือดไหลเพิ่มมากขึ้น จากผลข้างเครียงของตัวยาและอาจพบอาการแพ้ยาได้ในบางคน


การป้องกันการเกิดอาการปวด บวม ช้ำ 


    enlightened จัดวางเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ในบ้านให้เรียบร้อย ไม่ให้กีดขวางทางเดินหรือประตู ควรระมัดระวังให้มากเมื่อในบ้านมีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก

 
    enlightened ควรระมัดระวังอยู่ ในกรณีที่พื้นเปียกไม่ว่าจากการทำความสะอาด ทำงานบ้านหรือฝนตก ควรดูพื้นว่าแห้งดีหรือไม่ เพราะอาจทำให้ลื่นล้มได้


    enlightened ในทางเดินส่วนต่างๆในบ้าน ควรจัดสรรให้มีแสงสว่างที่เพียงพอ


    enlightened สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกายในขณะเล่นกีฬา สำหรับส่วนที่สำคัญต่างๆ ตามบริเวณข้อพับต่างๆ


    enlightened หากแพทย์สั่งจ่ายยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เสมอ และอาจมีการปรับการใช้ยาเมื่อจำเป็น


 

เอกสารอ้างอิง


 กิติพงษ์ ขัติยะและคณะ.(มปป.) สุขภาพเพื่อการดำรงชีวิต : เอกสารประกอบการสอนวิชา ศท 013. หลักสูตรวิชาศึกษาทั่วไป คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลยแม่โจ้.
 ชูศักดิ์ กิจคุณาเสถียร.[ออนไลน์]. การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา . แหล่งที่มา : med.mahidol.ac.th [29 มิถุนายน 2558].

BACK