ดีท็อกซ์ หรือ การล้างลำไส้ เป็นการนำสิ่งสกปรกรวมทั้งเชื้อโรคที่ให้โทษต่อร่างกายออกการดีท็อกซ์ลำไส้ไม่ใช่เพียงแค่กำจัดพิษจากส่วนของลำไส้ของเราเท่านั้นแต่เป็นการนำสารพิษออกจากร่างกายด้วย
เราสามารถแบ่งดีท็อกซ์ออกเป็นได้หลายประเภท ทั้งแบบการรับประทานอาหาร การอดอาหารแล้วทานเฉพาะน้ำเปล่าหรือผัก ผลไม้ หรือแบบสวนลำไส้ ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ทำไมเราจึงจำเป็นต้องดีท๊อกลำไส้เพราะการดีท๊อกลำไส้เป็นการช่วยขับกากอาหารที่หลงเหลือจากการย่อยมีสภาพเหนียว กากอาหารที่เหนียวนี้จะเคลื่อนผ่านลำไส้ใหญ่ด้วยความลำบากและมักเกาะเป็นตะกรันบนผนังลำไส้ใหญ่ รวมทั้งผนังลำไส้ใหญ่มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ตามธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย เกิดการเน่าบูดขึ้นส่งผลให้เกิดก๊าซเหม็นและสารพิษ
โดยปกติแล้วการขับถ่ายไม่สามารถที่จะขับตะกรันที่เกาะตามลำไส้ออกมาจนหมดได้ เมื่อตะกรันพอกตัวหนาและแข็งขึ้นจะไปปิดกั้นการดูดซึมสารอาหาร วิตามินและเกลือแร่เข้าสู่ร่างกาย ยิ่งกว่านั้นคราบตะกรันที่หนาจะทำให้ช่องในลำไส้ใหญ่แคบลง หรือโป่งพอง ผิดรูป กากอาหารจึงผ่านไปได้น้อย รวมทั้งกล้ามเนื้อของผนังลำไส้ ยังไม่สามารถบีบไล่กากอาหารได้ตามปกติ เมื่ออุจจาระถูกขัดขวางไม่สามารถเคลื่อนตัวได้จึงเกิดการหมักหมมภายในลำไส้เป็นอาการเริ่มต้นของโรคท้องผูกและโรคริดสีดวงทวาร
สารพิษที่สะสมอยู่ในลำไส้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งจะทำให้เกิดความผิดปกติต่อร่างกาย เช่น มีกลิ่นตัว ลมหายใจมีกลิ่น สมองไม่แจ่มใส ขับถ่ายผิดปกติ ซึมเศร้า หงุดหงิด อ่อนเพลีย มีอาการแพ้ต่างๆเช่น ลมพิษ
อุปกรณ์สวนล้างลำไส้ คือการใช้อุปกรณ์ใส่น้ำหรือสารบางอย่าง เช่น น้ำเกลือ (NSS) บีบสวนเข้าทางทวารหนักเพื่อให้น้ำเข้าไปกวาดเอาสิ่งสกปรก แล้วขับออกมาทางอุจจาระ (ลักษณะคล้ายการเร่งถ่าย) เป็นการกำจัดสารพิษ สิ่งสกปรก ที่ตกค้างในร่างกายออกมา จริงๆ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อุจจาระไม่ออก บรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) ท้องผูกสลับกับท้องเสีย อาจมีส่วนช่วยให้น้ำหนักลดลงชั่วคราว เพราะถ่ายของเสียออกมา และอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ เพราะของเสียที่ตกค้างเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้
1. ดีท็อกระดับล่าง เป็นการสวนลำไส้ในช่วง 30 เซนติเมตร ของลำไส้ โดยใช้น้ำผสมกับกาแฟหรือสมุนไพรอย่าง ยี่หร่า กานพลู น้ำมะนาว น้ำส้มมะขาม การดีท็อกซ์ระดับล่างนี้สามารถทำด้วยตัวเองได้ที่บ้าน
2. ดีท็อกซ์ระดับบน เป็นการสวนล้างลำไส้ใหญ่ความยาว 150 เซนติเมตร โดยใช้น้ำอุ่นประมาณ 25 ลิตร การดีท็อกซ์แบบนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่าเครื่องล้างลำไส้ colonic การดีท็อกซ์ลําไส้ระดับบนจำเป็นต้องทำที่สถานพยาบาลที่มีเครื่องล้างลำไส้เท่านั้น เพราะจะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ แรงดันและปริมาณของน้ำ โดยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะทาง การดีท็อกซ์ลําไส้ระดับบนจะสามารถทำความสะอาดคราบตะกรันได้ดีกว่าการดีท็อกซ์ระดับล่างเนื่องจากน้ำยาจะถูกเครื่องล้างลำไส้ส่งผ่านอย่างต่อเนื่อง ผู้ถูกสวนล้างลำไส้สามารถขับถ่ายได้ตลอดเวลาในขณะเดียวกันแพทย์จะทำการนวดหน้าท้องเพื่อให้คราบตะกรันที่จับอยู่ในลำไส้หรือเศษอุจจาระที่ติดอยู่ตามผนังลำไส้อ่อนตัว และไหลออกมา
หลังจากการทำ Detox แล้วอาจจะมีอาการปวดถ่ายต่อเนื่อง 1-2 ครั้งในวันเดียวกัน เนื่องจากน้ำยาที่ยังคงเหลืออยู่ในลำไส้ บางคนอาจมีอาการท้องผูกเนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ช้าลง หลังจากนั้นไม่นานจะกลับสู่สภาวะปกติสามารถขับถ่ายได้สะดวกมากขึ้นและปริมาณมากขึ้น
การดีท็อกลำไส้นอกจากจะเป็นการขจัดสารพิษออกจากร่างกายขจัดคราบตะกันกับอาหารสิ่งสกปรกที่อยู่ในลำไส้ออกไป ยังจะทำให้เรารู้สึกโล่งสบายไม่แน่นท้องก็ปี้กระเป๋าและยังช่วยทำให้ลำไส้ใหญ่ทำงานให้ดีทำงานได้ดีมากขึ้นสามารถตีเป็นจังหวะตามปกติที่ควรจะส่งผลให้ผลักดันของเสียออกจากร่างกายได้เร็วไม่ตกค้างทำให้การดูดซึมสารอาหารจำพวกวิตามินและเกลือแร่กลับสู่ร่างกายได้สะดวกขึ้นและทำให้แบคทีเรียชนิดดีเพิ่มจำนวนเพิ่มมากขึ้นซึ่งจะช่วยควบคุมปริมาณแบคทีเรียชนิดไม่ดีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
โดยปกติแล้วหากเรามีสุขภาพปกติการดีท็อกซ์เป็นเพียงช่วยเสริมสุขภาพ จึงควรทำ 3 ครั้งต่อเดือนหรือปี 1 2-3 ครั้งก็ได้แต่ถ้าคุณมีอาการท้องผูกคุณควร ทำ3 เดือนครั้งแต่หากมีอาการท้องผูกเรื้อรังควรทำเดือนละ 1 ครั้งจนกว่าอาการท้องผุจะดีขึ้น
สำหรับการทำดีท็อกซ์สามารถทำได้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปรวมทั้งผู้สูงอายุ แต่อย่างไรก็ตามการทําดีท๊อกมีข้อห้ามสำหรับบุคคลที่มีอาการดังต่อไปนี้ตั้งครรภ์ภาวะไตวายภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติโรคความดันโลหิตโรคหัวใจขาดเลือดเส้นเลือดโป่งพองภาวะโลหิตจางมีภาวะลำไส้อุดตันมีเลือดออกจางทางทวารหนักก่อนทำสามวันเพิ่งผ่านการผ่าตัดช่องคลอดช่องท้องไม่เกิน 6 สัปดาห์ผ่าตัดริดสีดวงผ่าตัดลำไส้ใหญ่มะเร็ง
อุปกรณ์ในชุดประกอบด้วย อุปกรณ์สวนล้างลำไส้ /ชุดสวนล้างสารพิษ
-ถุงดีท๊อกซ์พร้อมสาย 1 ชุด
-กาแฟดีท๊อกซ์
-กระดาษซับน้ำรองกันเปื้อน 1 แผ่น
-เจลหล่อลื่นดีท๊อกซ์ 1ซอง
การดีท็อกซ์ด้วยการสวนล้างลำไส้ มีประโยชน์ที่อาจเป็นไปได้ดังนี้
น้ำมะนาวและน้ำอุ่นใช้น้ำมะนาวครึ่งลูกใส่ลงในน้ำอุ่น 1 แก้วดื่มหลังตื่นนอนก่อนอาหารเช้าเป็นประจำทุกวันเมื่อทำครบ 21 วันสุขภาพจะดีขึ้นทั้งภายในและภายนอกจนเราสัมผัสได้
นมสดและกล้วยน้ำว้านมสดรสจืด 2 กล่องรับประทานพร้อมกล้วยน้ำว้า 2 ลูกหรือปั่นรวมกันดื่มตอนท้องว่างหลังจากตื่นนอนช่วงเวลาก่อน 7 โมงเช้าเป็นการช่วยกระตุ้นการขับถ่ายทำติดต่อกัน 3 วันจะช่วยให้ขับถ่ายเป็นเวลามากขึ้น
น้ำอุ่นและเม็ดแมงลักแช่น้ำอุ่นแช่ไว้ประมาณ 30 นาทีให้เม็ดแมงลักพองตัวเต็มที่ดื่มก่อนเข้านอน 1-2 ชั่วโมง ดื่มทุกวันหรือสัปดาห์ละ 3-4 วันเม็ดแมงลักจะช่วยกระตุ้นประสาทรอบรอบนำไส้ให้รู้สึกอยากขับถ่ายและดูดซึมไขมันเลวให้ออกมาพร้อมกับอุจจาระ
ดีท็อกซ์ เป็นการขับสารพิษจากร่างกายทำให้ร่างกายกลับสู่สมดุลรวมทั้งทำให้ระบบการทำงานต่างๆภายในร่างกายดีขึ้น สามารถไปทำได้ที่สถานพยาบาลหรือสามารถทำเองที่บ้านอยากใช้วิธีไหนลองทำดูนะคะเผื่อสุขภาพจะได้ดีขึ้น
โดยปกติร่างกายมีกลไกการกำจัดสารพิษและสิ่งสกปรกออกได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แพทย์จะสวนล้างลำไส้ในกรณีที่เห็นสมควรเท่านั้น เช่น ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกอย่างหนัก ผู้ที่กำลังจะรับการผ่าตัดบางชนิด ผู้ที่กำลังจะรับการเอกซเรย์ลำไส้ (และกลัวอุจจาระบังภาพ)
ดังนั้น การดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ ควรทำเฉพาะเวลาที่มีปัญหาอันสมควรเท่านั้น หรือเลือกทำด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ดื่มน้ำมากๆ กินผักผลไม้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก
1. ผู้ที่ทำการดีท็อกซ์ อาจใช้อุปกรณ์ และวิธีการสวนทวารที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้ศึกษาวิธีการทำอย่างละเอียดจากแพทย์ จนทำให้เกิดบาดแผลที่รูทวาร หรือเกิดการติดเชื้อได้
2. การสวนทวารเองโดยไม่มีความจำเป็นบ่อยๆ อาจทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกายไม่สามารถทำงานได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องพึ่งการสวนทวารเพื่อการขับถ่ายแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายได้เองอีกต่อไป
3. การดีท็อกซ์บ่อยๆ ร่างกายอาจสูญเสียน้ำมากเกินไป จนอาจเสี่ยงต่ออาการช็อค และเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้
4. การดีท็อกซ์ลำไส้บ่อยๆ จนเกินความจำเป็น เป็นการลดปริมาณแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ออกไปด้วย ซึ่งหากร่างกายขาดแบคทีเรียกลุ่มดีที่อยู่ในลำไส้ ก็จะส่งผลร้ายต่อร่างกายในหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องระบบการย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรค ที่ทำให้ร่างกายป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีจากอาหารการกินได้น้อยลง
5. นอกจากการสวนทวารเพื่อดีท๊อกซ์ลำไส้จะไม่ได้ช่วยในเรื่องของการขับล้างสารพิษ ตัวการก่อโรคต่างๆ ออกจากร่างกายแล้ว คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคที่เกี่ยวกับลำไส้ ความดันโลหิตสูง เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยช่องท้องอักเสบ และผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียอยู่แล้ว ไม่ควรดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยวิธีสวนทวารเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
การดีท็อกซ์ลำไส้ที่ปลอดภัย มาจากการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานผัก ผลไม้ ธัญพืช ที่มีกากใยอาหารตามธรรมชาติ ดื่มน้ำมากๆ ทานโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว เพื่อช่วยเพิ่มแลคทีเรียที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย หรือจะลองสูตรน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นทาน 2-3 อึกทุกเช้าก็ได้