โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer) ได้แก่ โรคที่มีแผลขึ้นในกระเพาะอาหาร, ลำไส้เล็กส่วนต้น อาจเกิดแผลในบริเวณปลายหลอดอาหารส่วนที่อยู่ต่อกับกระเพาะอาหารร่วมด้วยได้ ทั้งนี้ เกิดจากเยื่อเมือกบุภายในทางเดินอาหารเหล่านี้ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร อาการที่พบได้บ่อย คือ ปวดท้อง มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียเอช ไพโลไร หรือการใช้ยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่มเอ็นเสดเป็นเวลานาน เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน เป็นต้น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดอาจทำให้อาการแย่ลงได้ แผลในกระเพาะอาหารพบมากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หากปล่อยไว้แล้วไม่ได้รับการรักษาจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น และเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
อาการที่สำคัญของโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น คือ ปวดท้องบริเวณยอดอกหรือบริเวณใต้ลิ้นปี่ มักปวดเมื่อหิว หรือหลังรับประทานอาหารแล้วประมาณ 2-5 ชั่วโมง อาจตื่นกลางคืนเนื่องจากอาการปวดท้อง ซึ่งอาการปวดท้องนี้จะดีขึ้นเมื่อรับประทานอาหาร หรือรับประทานยาเคลือบกระเพาะ หรือยาลดกรด
ส่วนอาการอื่นๆที่พบได้ คือ คลื่นไส้ อาจมีอาเจียนบางครั้ง เบื่ออาหาร ผอมลง อาเจียนเป็นเลือด หรือ มีอุจจาระเป็นสีดำเหมือนยางมะตอย มีอาการท้องเฟ้อ อิ่มง่าย จุกหน้าอก แน่นท้อง เรอบ่อย อาหารไม่ย่อย และไม่มีความอยากอาหาร
ผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) จากโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น มักเป็นภาวะที่รุนแรง และอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ โดยผลข้างเคียงที่พบได้ คือ
สาเหตุที่พบบ่อยของโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ เอช ไพโลไร (H. pylori หรือ Helicobacter pylori) พบได้ประมาณ 60% ของแผลในกระเพาะอาหารทั้งหมด และเป็นประมาณ 90% ของแผลในลำไส้เล็กส่วนต้นทั้งหมด
“เอช ไพโลไร (H. pylori)” เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหาร หรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ในเยื่อบุกระเพาะ ทำให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุกระเพาะ เกิดแผล และมะเร็งกระเพาะอาหารได้
▶ รับประทานยาต้านการอักเสบ/ยาแก้อักเสบในกลุ่มยาแก้ปวดเอ็นเสดส์ (NSAIDs, Non-steroidal anti-inflammatory drugs) ที่ใช้รักษาโรคปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อต่างๆ และโรคเกาต์ เช่น ยาแอสไพริน ยาเซเลโคซิบ(Celecoxib) ยาไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ยาอินโดเมธาซิน (Indomethacin) และยา ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)
▶ ความเครียด
▶ การสูบบุหรี่
▶ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
▶ รับประทานอาหารรสเผ็ด
▶ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการดูแลรักษาที่ดี และผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเอง แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติท เช่น การตรวจโดยการส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร (Gastroscope: EGD) เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกวิธี
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง ดังนี้
1. มีอาการปวดท้องในคนอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
2. เลือดออกทางเดินอาหาร (อาเจียนมีเลือดปน, ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดปน หรือถ่ายอุจาระมีสีดำ), น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
3. ไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยการใช้ยาลดกรดแบบเม็ด เป็นระยะเวลา 4 - 8 สัปดาห์หลังการรักษา
4. มีอาการเป็นๆหายๆบ่อยครั้ง, มีประวัติมะเร็งกระเพาะอาหารหรือทางเดินอาหารของญาติสายตรงลำดับหนึ่ง (ได้แก่ พ่อ, แม่, พี่, น้อง)
ผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวเบื้องต้นควรได้รับการตรวจเพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องกระเพาะอาหาร ซึ่งการส่องกล้องกระเพาะอาหารเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและมีภาวะแทรกซ้อนน้อย ทำได้โดยการพ่นยาชาเฉพาะที่บริเวณในช่องคอ หรือยาฉีดทางหลอดเลือดดำเพื่อให้ผู้ป่วยหลับ และนำกล้องลักษณะคล้ายท่อขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร ผ่านช่องคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อให้เห็นการอักเสบ แผล หรือเนื้องอก ทั้งนี้ การส่องกล้องยังสามารถบันทึกภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว, สอดที่ตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็กผ่านทางกล้อง เพื่อนำชิ้นเนื้อมาตรวจหาเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร ส่งตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิเพื่อหามะเร็ง เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
• ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร. คณะแพทยศาสตรศิริราชพยาบาล. [Internet]. เข้าถึงได้จาก:
https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/359_1.pdf
• POBPAD. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ. [Internet]. เข้าถึงได้จาก: https://www.pobpad.com/โรคกระเพาะ
อาหารอักเสบ
• นายแพทย์พิสัย แก้วรุ่งเรือง. โรงพยาบาลศิศรินทร์. [Internet]. เข้าถึงได้จาก:
https://www.sikarin.com/content/detail/ปวดท้องแบบนี้ใช่โรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือไม่