โรคหอบหืด (Asthma) เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกันออกไปในผู้ป่วยแต่ละคน ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมากรวมถึงการเจริญเติบโตที่ช้าลง รบกวนการทำงานและการทำกิจวัตรประจำวัน ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงเน้นไปที่การลดความรุนแรงของโรคด้วยการใช้ยาให้เหมาะสมและถูกวิธี เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ หลอดลมของผู้ป่วยโรคหืดไวต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ เมื่อสัมผัสสิ่งกระตุ้น หลอดลมจึงหดตัวตีบแคบลง ส่งผลให้เกิดอาการหอบ หายใจลำบาก หากเกิดภาวะหอบหืดเฉียบพลันและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
โดยทั่วไปจะมีอาการหอบ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด (wheezing sound) (ในระยะแรกจะได้ยินเสียงนี้ในขณะที่หายใจออก แต่ถ้าเป็นมากขึ้นก็จะได้ยินทั้งในขณะที่หายใจเข้าและหายใจออก) ไอในตอนเช้าและตอนกลางคืนมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ในช่วงที่ไม่มีอาการกำเริบ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายเหมือนคนปกติทั่วไป ส่วนในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางมักจะมีอาการเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและอาการมักกำเริบขึ้นมาทันทีเมื่อมีสาเหตุมากระตุ้น แต่ในภาวะหอบหืดกำเริบเฉียบพลันอาจมีอาการไอเป็นชุดๆ หายใจลำบากแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที จะทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและอวัยวะที่สำคัญไม่เพียงพอ อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
สารก่อภูมิแพ้ (allergens) เช่น
สิ่งระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันธูป ควันไฟ ควันท่อไอเสีย ฝุ่นละออง มลพิษในอากาศ ยาฆ่าแมลงหรือวัชพืช สเปรย์แต่งผม กลิ่นสี สารเคมีภายในบ้านหรือที่ทำงานและโรงงาน
การติดเชื้อของทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ
โรคกรดไหลย้อน เพราะน้ำย่อยหรือกรดที่ไหลย้อนลงไปในหลอดลม ทำให้หลอดลมเกิดการอักเสบและอาจทำให้โรคหอบหืดกำเริบได้บ่อยและรุนแรงขึ้น
ฮอร์โมนเพศ เพราะพบว่าหญิงระยะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ระยะก่อนมีประจำเดือน หรือในขณะตั้งครรภ์ มักจะมีโรคหอบหืดกำเริบ
การใช้ยา ได้แก่ ยาแอสไพริน (Aspirin), ยาลดความดันโลหิตกลุ่มปิดกั้นเบต้า เช่น โพรพาโนโลล (Propanolol), ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งมีผลต่อการหดตัวของหลอดลม
ความเครียด เช่น ความเครียดจากการงาน ครอบครัว ปัญหาทางเศรษฐกิจ ความโศกเศร้าจากการสูญเสียคนรัก รวมทั้งอารมณ์ซึมเศร้า เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้หายใจผิดปกติโดยไม่รู้ตัว ทำให้หายใจแบบลึกบ้างตื้นบ้างสลับไปมา เพราะจะส่งผลให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้ง หายใจลำบาก และอาการกำเริบได้ง่ายขึ้น
การออกกำลังกายหรือออกแรงในการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการหัวเราะมาก ๆ อาจชักนำให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบได้ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ออกกำลังจนเหนื่อยหรือหักโหมมากเกินไป หรือออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศแห้งและเย็น
การสัมผัสความร้อน ความเย็น เช่น การรับประทานไอศกรีมหรือเข้าห้องแอร์
หากต้องใช้ยารักษา ควรใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรและปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้อย่างเคร่องครัด อย่าปรับยาหรือหยุดด้วยตนเอง แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว ไม่ควรซื้อยามาใช้เองเด็ดขาด สำหรับยาพ่นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่