โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายทางานมากผิดปกติ จนเกิดการต่อต้านเซลล์ปกติของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของผิวหนัง เกิดผื่นแดงที่ผิวหนัง บริเวณผื่นจะมีลักษณะยกตัวหนาเป็นสะเก็ด ผิวหนังแห้ง มีอาการคันหรือเจ็บได้และแม้ว่าสะเก็ดเงินจะสามารถเกิดได้กับผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย แต่มักพบได้บ่อยที่บริเวณข้อศอก เข่า หนังศีรษะ หลัง ใบหน้า ฝ่ามือและเท้า ปัจจุบัน โรคสะเก็ดเงินไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะทางผิวหนัง แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับโรคอื่นๆได้แก่ โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินและกลุ่ม metabolic syndrome ได้แก่ โรคอ้วน ภาวะไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน เป็นต้น
สาเหตุของโรคสะเก็ดเงินยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ภูมิคุ้มกันผิดปกติ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง สาเหตุทางพันธุกรรม ทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ จนทำให้เซลล์ผิวหนังเกิดการซ้อนทับกัน โดยเซลล์เก่าจะหลุดไม่ทันการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวหนังบริเวณดังกล่าวหนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นผื่นสะเก็ดหนา ผู้ที่เป็นโรคตังกล่าว ต้องหมั่นสังเกตอาการตนเอง หาสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคให้พบ เพื่อหลีกเสี่ยงมิให้เกิดโรคซ้ำขึ้นมาอีก
อาการที่แสดงจะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของโรคสะเก็ดเงินที่ผู้ป่วยเป็น ความผิดปกติที่พบได้บ่อยตามร่างกาย เช่น ผิวหนังมีลักษณะแดง ตกสะเก็ดเป็นขุยสีขาว เป็นผื่นแดงนูน เกิดการอักเสบของผิว ผิวแห้งมากจนแตกและมีเลือดออก หนังศีรษะลอกเป็นขุย เล็บมือและเท้าหนาขึ้น ผิดรูปทรง ปวดข้อต่อและมีอาการบวมตามข้อต่อและมีอาการเจ็บ คันหรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวหนัง ซึ่งการดาเนินของโรคแต่ละชนิดมีความคล้ายคลึงกัน อาการอาจคงอยู่นานหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ แล้วค่อยๆ บรรเทาลง แต่เมื่อมีสิ่งมากระตุ้นก็อาจทาให้อาการของโรคกาเริบขึ้นมาได้
การรักษาโรคสะเก็ดเงินเป็นการรักษาให้โรคสงบ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากมีสิ่งมากระตุ้นโรคจะสามารถกำเริบได้อีกโดยในการรักษาแพทย์จะเลือกรักษาตามความรุนแรง แบ่งออกเป็น
กรณีเป็นน้อย รักษาโดยใช้ยาทาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการอักเสบ ตัวยามักมีข้อจำกัดในการใช้ จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำและการควบคุมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
กรณีมีผื่นหนาและเป็นมาก รักษาโดยใช้ยากินร่วมกับยาทา หรือรักษาด้วยวิธีอื่น ได้แก่ ฉายแสงอาทิตย์เทียม
กรณีดื้อต่อการรักษาวิธีใดอาจใช้วิธีอื่นมารักษาแทน เช่น ใช้ยาฉีดชีวภาพ
ผลกระทบจากโรคสะเก็ดเงิน
► อาการคัน ไม่ถึงขั้นรุนแรง แต่สร้างความรำคาญ
► อาการผื่นตามผิวหนังอาจส่งผลด้านบุคลิกภาพ ทำให้สูญเสียความมั่นใจ
► หากเป็นนาน ๆ อาจมีอาการข้ออักเสบร่วมด้วย
► หากมีอาการทางข้อแล้วไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้ข้อผิดรูปและพิการได้
ปัจจัยเสี่ยงของสะเก็ดเงิน
1. ความเครียด
2. พักผ่อนไม่เพียงพอ
3. การติดเชื้อ
4. การแกะและเกาบริเวณที่มีอาการ
5. การดื่มสุราและสูบบุหรี่
6. น้ำหนักเกิน
ลักษณะการกระจายของโรคสะเก็ดเงิน ที่พบบ่อยมี 2 แบบ
แบบแรก เป็นผื่นนูนขนาดเล็ก ๆ กระจายทั่วตัว (guttate psoriasis) มักเกิดในระยะเวลาสั้น ๆ พบบ่อยในเด็กหลังจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ผื่นชนิดนี้จะค่อย ๆ จางหายได้เองหลังได้รับการรักษาอาการติดเชื้อทางเดินหายใจให้หายไป แต่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำอีก
แบบที่สอง เป็นผื่นเรื้อรังเฉพาะที่ (psoriasis vulgaris หรือ plague type psoriasis) มักพบที่ ข้อศอก หัวเข่า หลัง สะโพก หนังศีรษะ เป็นผื่นขนาดใหญ่ ผื่นจะขยายค่อยเป็นค่อยไปและอาจหายได้เองแต่ช้า ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสม ผื่นสะเก็ดเงินเมื่อหายมักจะไม่เหลือรอย แต่ในบางรายเมื่อผื่นหายจะเป็นรอยดำ แต่สีผิวก็จะค่อย ๆ ปรับจนกลับมาเป็นปกติในภายหลัง
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
► หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทาให้เกิดการแห้งของหนังศีรษะหรือผิวหนัง เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว ทาโลชั่นให้ผิวชุ่มชื้นเป็นประจา หากเป็นมากควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของผิว
► หลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาผื่นสะเก็ดเงิน เพราะอาจทาให้อาการรุนแรงขึ้นและลุกลามได้
► ลดความเครียดเครียด ทาใจให้สบาย พักผ่อนและออกกาลังกายให้เพียงพอ
► หากติดเชื้อบางชนิด เช่น ติดเชื้อที่คอ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดสะเก็ดเงินได้ ควรรีบรักษาอาการติดเชื้อโดยเร็ว
► หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและการสูบบุหรี่
► ควบคุมไม่ให้มีภาวะน้าหนักเกิน
► พบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษา เผื่อได้ปรับเปลี่ยนแผนการรักษาตามอาการ
ข้อควรปฏิบัติของคนรอบข้างผู้ป่วยสะเก็ดเงิน
► ทำความเข้าใจว่าโรคดังกล่าวไม่ใช่โรคติดต่อ และเป็นโรคที่ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อและไม่เกี่ยวข้องกับความสกปรก สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ป่วยได้อย่างปกติ
► ให้กำลังใจผู้ป่วย และคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษากับผู้ป่วย แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ทำให้โรคสงบได้
► ไม่เพิ่มความเครียดให้กับผู้ป่วย เพราะโรคนี้มีความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ
นอกจากการรักษาข้างต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น การให้ความรู้ผู้ป่วยและญาติมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน การเข้าใจความจริงที่ว่าสะเก็ดเงินเป็นโรคไม่ติดต่อ ผู้ป่วยจะไม่ถูกรังเกียจจากคนรอบข้าง ญาติและคนใกล้ชิดควรเข้าใจและให้กำลังใจผู้ป่วย และเนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยควรดูแลปฏิบัติตนให้ถูกต้อง จะช่วยควบคุมโรคให้สงบได้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นซึ่งได้แก่ ความเครียด การพักผ่อนน้อย และการดื่มสุรา รวมถึงยาบางชนิดสามารถกระตุ้นให้โรคกำเริบได้ เช่น ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ยาทางจิตเวช (lithium) เป็นต้น