โกจิเบอร์รี่สกัด หรือ Wolfberry มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycium barbarum วงศ์ Solanaceae และรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งในตระกูลเบอร์รี มีถิ่นกำเนิดแถบทวีปเอเชีย ลักษณะเป็นไม้พุ่มผลัดใบ ผลมีสีแดงสด อุดมไปด้วยวิตามิน ซี ไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก วิตามิน เอ ซิงค์ สารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ และกรดอะมิโนจำเป็น 8 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้มี สรรพคุณหลากหลาย ได้รับขนานนามว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต (super fruit)” ผลของโกจิเบอร์รี่มีสีแดงอมส้ม ขนาดเล็ก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
ผู้คนนิยมรับประทานโกจิเบอร์รี่เป็น ยาอายุวัฒนะ เพราะเชื่อกันว่าช่วยให้อายุยืนยาว รับประทานผลสดได้ ใช้ประกอบอาหาร แปรรูปเป็นชาสมุนไพร น้ำผลไม้ ไวน์ รวมถึงใช้ทำเป็นยา โดยมักใช้ส่วนของผลที่อบแห้งและเปลือกของราก ซึ่งเชื่อว่ามีฤทธิ์เป็นยารักษาหลายโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น และช่วยบำรุงสายตา ผ่อนคลายอารมณ์ และช่วยแก้ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
การประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีสารโพลี่แซคคาไรด์อีกกว่า 4 ชนิด ได้แก่ LBP-1 LBP-2 LBP-3 LBP-4
ประกอบไปด้วยแร่ธาตุตามตารางที่ร่างกายต้องการได้รับในแต่วัน 21 ชนิด แร่ธาตุส่วนที่สำคัญดังกล่าว ตัวอย่างเช่น แคลเซียม สังกะสี เหล็ก ฟอสฟอรัส ทองแดง เจอร์มาเนียม และ ซิลีเนียม
ประกอบด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ วิตามินซี ในโกจิเบอร์รี่นั้นมีวิตาในซีสูงกว่าส้มถึง 500 เท่า นับเป็นพืชผลไม้ที่มีวิตามินิซีสูงเป็นอันดับสองรองจาก คามู คามูเบอร์รี่ วิตามินตระกูลบี เช่น วิตามิน บี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 วิตามินอี ช่วยบำรุงผิวให้สวย
ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุล ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของโรคหวัด ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากในโกจิเบอร์รี่ ทำให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงลดความเสี่ยงของการเป็นหวัดได้ ซึ่งจากการทดลองในห้องแลปพบว่า โกจิเบอร์รี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันหวัดในหนูทดลองที่มีอายุมาก
ช่วยปรับความดันโลหิตให้ปกติ และช่วยให้น้ำตาลในเลือดมีความสมดุลการรับประทานโกจิเบอร์รี่นั้นมีมีส่วนช่วยในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มความทนทานต่อน้ำตาล ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน บำรุง และเสริมสร้างเซลล์ที่ช่วยในการสร้างอินซูลินช่วยให้อินซูลินอยู่ในสภาวะสมดุล
ช่วยลดน้ำหนัก โดยเสริมการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานแทนไขมันโกจิเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแม้จะรับประทานเพียงแต่น้อยก็ตาม อีกทั้งยังมีรสชาติดี และมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้ยาวนาน และยังเป็นอาหารควบคุมน้ำหนักรสชาติอร่อย สามารถทานเป็นขนมกินเล่น หรือโรยหน้าโยเกิร์ต หรือบนสลัด ได้เช่นกัน เพราะเป็นพืชผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ ระดับน้ำตาลน้อย โดยโกจิเบอร์รี่ปริมาณ 28 กรัม ให้พลังงานเพียง 23 แคลอรี่
การเพิ่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนโกจิเบอร์รี่ถูกใช้เป็นเพื่อเป็นยาในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศมาอย่างยาวนานตามแพทย์แผนจีน โดยจากการทดลองกับตัวอย่างหนูในห้องแลป พบว่าโกจิเบอร์รี่สามารถส่งผลดังนี้ เพิ่มปริมาณอสุจิ และทำให้อสุจิเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ่น เพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ลดระยะเวลาการหลั่ง
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือสรรพคุณอันมากมายของโกจิเบอร์รี่ที่จะช่วยให้ผู้ที่รักสุขภาพ ได้มีทางเลือกอีกทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพให้ดีได้รอบด้านด้วยการรับระทานสมุนไพรจากธรรมชาติแท้ ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายจาก โกจิเบอร์รี่ สมุนไพรมากประโยชน์จากธรรมชาติ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทานในรูปแบบของผลโกจิเบอร์รี่สด ๆ หรือในรูปแบบของ สารสกัดจากโกจิเบอร์รี่ ก็ล้วนแต่ได้รับคุณค่า และประโยชน์ไม่แพ้กัน
ความเชื่อและการใช้สมุนไพรนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ บางส่วนยังคงต้องมีการศึกษาในระยะยาว เพื่อดูประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยทั่วไปการรับประทานโกจิเบอร์รี่ในชีวิตประจำวันมักไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่มีข้อระมัดระวังในการรับประทานบางประการ ดังนี้
❖ การรับประทานโกจิเบอร์รี่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ค่อนข้างปลอดภัย แต่ในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
❖ สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโกจิเบอร์รี่ เนื่องจากมีสารบีเทนหรือเบทาอีน (Betaine) ที่อาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะแท้ง รวมถึงคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย
❖ ผู้ที่แพ้โปรตีน ผลิตภัณฑ์จากยาสูบ ผลไม้บางชนิดอย่างมะเขือเทศหรือลูกท้อ และถั่วบางชนิด ควรระมัดระวังในการใช้และปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน หากมีอาการแพ้หรือผิดปกติควรหยุดรับประทานและไปพบแพทย์
❖ โกจิเบอร์รี่อาจทำให้ความดันเลือดลดต่ำลง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ โรคความดันโลหิตสูง หรือรับประทานยาที่ส่งผลต่อความดันเลือดควรหลีกเลี่ยงในการรับประทาน
❖ ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโกจิเบอร์รี่ โดยเฉพาะส่วนที่มาจากเปลือกรากของต้นโกจิเบอร์รี่ เพราะอาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง และควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
❖ โกจิเบอร์รี่อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา สมุนไพร และอาหารเสริมบางชนิดเมื่อรับประทานร่วมกัน เช่น ยาที่ต้องดูดซึมผ่านเอ็นไซม์ Cytochrome P450 จากตับ ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาวาร์ฟารินหรืออีกชื่อคือ คูมาดิน ในกรณีที่มียารับประทานประจำหรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานโกจิเบอร์รี่ทุกครั้ง
❖ การรับประทานโกจิเบอร์รี่ในปริมาณมากยังเสี่ยงต่อภาวะความเป็นพิษจากการได้รับวิตามิน เอ เกินขนาด