หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

แชมพูกำจัดรังแค (Anti-Dandruff Shampoo)

     เคยสงสัยไหมว่า ทำไมรังแคถึงไม่หายสักที? ถึงแม้ว่าคุณจะลองใช้วิธีต่าง ๆ มาแก้ปัญหารังแคที่กวนใจคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้แชมพูขจัดรังแคตามที่เห็นในโฆษณา หรือพยายามสระผมแรง ๆ เพราะคิดว่าจะช่วยให้รังแคหลุดจากหนังศีรษะออกไปได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้น อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เพราะคำว่ารังแคอาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กๆที่แก้ไขได้ไม่ยากเลย แต่หารู้ไม่ว่าถ้าการดูแลรักษาและการใส่ใจไม่ดีเกี่ยวกับหนังศีรษะของเรา จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก


สาเหตุการเกิดรังแคมีเนื้อหาดังนี้ enlightened

     
     รังแคเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการสระผมแล้วไม่รอให้ผมแห้ง นอนในขณะผมเปียกชื้น ทำให้มีเชื้อราบนหนังศีรษะได้ หรือ อาจจะเกิดจากอาการหนังศีรษะแห้ง เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกมาเป็นสีขาว เกร็ดเล็ก ๆ ที่เราเรียกกันว่ารังแค


สาเหตุของรังเเคมาจากอะไร มีบุคคลกลุ่มไหนที่มีโอกาสสูงในการเกิดรังแค sad


     รังแคเป็นได้ทุกเพศวัย ตั้งแต่ทารกจนถึงผู้สูงวัย รังแคไม่ได้เกิดจากความสกปรกเสมอไป มักสร้างความรำคาญใจทำให้เสียบุคลิกภาพได้

ภาวะแทรกซ้อนของรังแค yes


     รังแคไม่ได้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหรือเป็นอันตราย แต่อาจทำให้เกิดความรำคาญใจจากอาการคันหนังศีรษะ และเนื่องจากรังแคสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายบริเวณบ่าและไหล่ หรือที่หนังศีรษะ จึงอาจทำให้ผู้ที่เป็นเสียความมั่นใจและทำให้เสียบุคลิกได้ นอกจากนั้น รังแคยังเป็นเป็นภาวะเรื้อรังที่รักษาได้ยากหรือรักษาไม่หายขาดในบางราย

การป้องกันรังแค yes


 การป้องกันรังแคสามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยวิธีดูแลตนเองดังต่อไปนี้

  1. 1. ควรสระผมด้วยแชมพูกำจัดรังแคเป็นประจำ แต่ไม่ควรสระผมบ่อยจนเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการระคายเคืองและไม่ให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป
  1. 2. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผมและหนังศีรษะที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือสารฟอกขาว เพราะส่วนผสมดังกล่าวสามารถทำให้หนังศีรษแห้งได้ นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดความมันบนหนังศีรษะ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค
  1. 3. ควรออกไปสัมผัสกับแสงแดดเล็กน้อยเป็นประจำทุกวัน เพราะ จากการศึกษาพบว่าแสงแดดสามารถช่วยควบคุมการเกิดรังแคได้


     เนื่องจากความเครียดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดรังแคหรือทำให้มีอาการที่แย่ลง และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม ดังนั้น ควรหาทางจัดการกับความเครียดด้วยวิธีผ่อนคลายต่าง ๆ เช่น การฝึกหายใจ โยคะ หรือการทำสมาธิ



วิธีการรักษาให้ปราศจากรังแค


 สระผมทุกเช้าด้วยแชมพูสมุนไพรที่ปราศจาก Silicone, SLS หรือ SLES, หรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ


 ขณะสระผมควรนวดหนังศีรษะเบา ๆ ไม่ควรขยี้ผมแรงจนเกินไป เพราะ การขยี้หนังศีรษะแรง ๆ จะทำให้เกิดการอักเสบ และเพิ่มโอกาสทำให้เกิดรังแคได้


 หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ตกแต่งทรงผม เนื่องจากอาจก่อให้เกิดสารเคมีที่ตกค้างอยู่บนหนังศีรษะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือมีอาการแพ้ได้


 หลังจากสระผมควรเช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูเบา ๆ เนื่องจากการปล่อยให้ผมเปียกเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดหนังศีรษะชื้น


 ไม่ควรเกาหนังศรีษะ เพราะจะทำให้หนังศีรษะระคายเคืองมากยิ่งขึ้น และควรดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ เปลี่ยนปลอกหมอนให้บ่อยครั้ง และล้างหวีเป็นประจำ


 หลีกเลี่ยงการตกแต่งเส้นผมหรือการเป่าผมด้วยลมร้อนจัด เพราะความร้อนจะไปทำร้ายหนังศีรษะและทำให้ผมแห้งเสีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดรังแค

อาการที่ควรจะต้องไปพบแพทย์ ?


     โดยส่วนใหญ่ผู้ที่มีรังแคไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ เพราะ สามารถรักษาได้ด้วยตนเอง แต่หากรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น หรือพบว่าหนังศีรษะมีอาการแดงหรือบวม ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการของโรคผิวหนังอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) หรือภาวะอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกับรังแค ในกรณีนี้ผู้ป่วยจึงควรไปพบแพทย์โรคผิวหนัง

การรักษาโดยแพทย์


    โดยปกติไม่จำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าเกิดปัญหาต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา


 ใช้แชมพูขจัดรังแคมาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง


 เป็นรังแคอย่างรุนแรงและมีอาการคันศีรษะมาก


 หนังศีรษะแดงหรือบวม


 เป็นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัด เป็นเอชไอวี (HIV) หรือ กำลังใช้ยาที่ระงับระบบภูมิคุ้มกัน


 แพทย์จะเริ่มต้นรักษาด้วยการวินิจฉัย ตรวจดูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแค โดยหากพบว่ามีอาการรุนแรง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาขจัดรังแคที่มีความเข้มข้นสูงกว่าที่ซื้อใช้เอง เช่น โลชั่น แชมพู ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าว กรดซาลิไซลิก ร่วมกับสเตียรอยด์ หรืออาจจำเป็นต้องใช้ยาอื่น ๆ เช่น แชมพูต้านเชื้อรา ยาคอร์ติโซนใช้เฉพาะที่ ยาชนิดโฟม ยาสารละลาย ยาครีมหรือขี้ผึ้ง เป็นต้น

     อย่างไรแล้วก็ตามการดูแลรักษาด้วยตัวเราเอง เน้นแชมพูหรือยารักษาที่เป็นธรรมชาติ หลีกเลี่ยงให้พ้นจากเคมีบำบัดหรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้น้อยที่สุด คุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันจะสมบูรณ์แบบมาเพิ่มขึ้นเลยแหละค่ะ

BACK